xs
xsm
sm
md
lg

“เทือก” ไม่หนักใจข่าวล็อบบี้ ส.ว.ให้โหวตถอดถอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ (แฟ้มภาพ)
“สุเทพ” ยันไม่หนักใจข่าวสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ล็อบบี้ ส.ว.ให้โหวตถอดถอน ย้ำขอให้ดูเจตนารมณ์และผลการกระทำ แต่พร้อมรับสภาพหากถูกตัดสิทธิทางการเมือง


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีอดีตรัฐมนตรีซึ่งเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เดินสายล็อบบี้ ส.ว.เพื่อขอเสียงให้ถอดถอนตนจากตำแหน่ง ส.ส.ว่า ได้ยินคนพูดกันแต่ตนไม่ให้ความสำคัญ แต่สิ่งที่ตนให้ความสำคัญ คือ การทำตามขั้นตอนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของวุฒิสภา โดยในวันที่ 11 ก.ย.ตนและ ป.ป.ช.จะไปให้สมาชิกวุฒิสภาซักถาม ซึ่ง ส.ว.ทั้งหลายคงหารือแล้วว่าจะถามตนเรื่องอะไร แต่ตนยังไม่ทราบ จากนั้น 17 ก.ย.จะเป็นการแถลงปิดสำนวนทั้งฝ่ายตนและ ป.ป.ช.โดยคาดว่าจะลงมติในวันที่ 18 ก.ย.

ส่วนตัวยังมั่นใจว่าข้อมูล ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่นำเสนอต่อวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภาจะได้ใช้ดุลพินิจได้ โดยตนบอกตั้งแต่วันแรกที่ทางวุฒิสภาเชิญไปแถลงแจ้งข้อกล่าวหาแล้วว่า ตนเคารพในดุลพินิจของ ส.ว. จึงไม่หวั่นไหวว่าจะมีข่าวคนมาเดินล็อบบี้หรือเดินทำอะไร ตนไม่สนใจ เพราะถือว่าวุฒิสภาและ ส.ว.แต่ละคนมีวุฒิภาวะ มีความคิดและอุดมการณ์ของแต่ละท่านเป็นของตัวเอง เราต้องมีความเชื่อมั่นในระบบ และไม่เชื่อว่าการล็อบบี้จะมีผลต่อการใช้ดุลพินิจของวุฒิสภาและไม่เชื่อว่าใครจะมาจูงใจ ส.ว.ได้ เพราะแต่ละคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง

นายสุเทพกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะ ตนได้ยอมรับต่อ ส.ว.ว่าได้ทำหนังสือถึงกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีข้อความเพียง 2 บรรทัด คือ “ด้วยมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประสงค์จะไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรมตามรายชื่อ ส.ส.ทั้ง 19 คนที่ส่งมานี้ เพื่อให้ รมว.วัฒนธรรมทราบและพิจารณา” ซึ่งตอนที่ตนส่งบัญชีรายชื่อ ส.ส.ให้ รมว.วัฒนธรรมพิจารณานั้นก็เชื่อว่าการไปอาสาช่วยงานราชการโดยไม่หวังตำแหน่ง เงินเดือน หรือค่าตอบแทนใดๆ ไม่ก้าวก่ายการโยกย้ายหรือแต่งตั้ง เพียงแค่ไปทำหน้าที่สื่อกลางอธิบายการทำงานข้อมูลข่าวสารของกระทรวงวัฒนธรรมให้ประชาชนเข้าใจและเอาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่เกี่ยวกับงานของกระทรวง เช่น การประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุฯ ซึ่งมีปัญหาทุกปี ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมีการทักท้วงตนก็ไปขอหนังสือคืนโดยที่ รมว.วัฒนธรรมยังไม่ได้เปิดหนังสืออ่านหรือสั่งการใดๆ เลย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ ป.ป.ช.ก็ยอมรับและรายงานในผลการสอบสวน เพียงแต่ ป.ป.ช.เห็นว่าสิ่งที่ตนลงนามในหนังสือส่งไปคือความผิดที่สำเร็จแล้ว ไม่ว่ารัฐมนตรีจะสั่งการหรือไม่ ไม่สนใจ ซึ่งตนได้แก้ข้อกล่าวหานี้ว่า ความผิดจะสำเร็จหรือไม่ น่าจะดูบทบัญญัติตามกฎหมาย เจตนารมณ์ของกฎหมาย และเจตนาของตนด้วย เพราะมีหลักกฎหมายว่า อะไรที่จะเป็นความผิดได้ต้องมีผลออกมาต่อภายนอก แต่นี่ยังไม่มีผลอะไร

“ผมไม่หนักใจ ไม่กังวลใจ เพราะปีนี้อายุย่างเข้า 64 คนรับราชการ 60 ก็เกษียณแล้ว คนที่ทำงานการเมืองตั้งแต่อายุ 29 วันนี้ 64 อะไรจะเกิดก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีปัญหา และคิดว่าพร้อมที่จะรับสภาพทุกอย่าง ถ้าผลออกมาเป็นลบก็กลับบ้าน ลูกชายเพิ่งแต่งงงานก็จะรอเลี้ยงหลาน ซึ่งเป็นงานของผู้สูงอายุอยู่แล้ว ถ้าต้องโดยตัดสิทธิการเมือง 5 ปีจริง ผม 69 แล้วคงไม่กลับมาทำงานการเมืองแล้วครับ เพราะมันห่างไป 5 ปี มันคงไม่ทันเหตุการณ์แล้ว ผมคงไปทำอย่างอื่น”
กำลังโหลดความคิดเห็น