ผ่าประเด็นร้อน
ในตอนแรกนึกว่าเรื่องจะจบไปแล้ว หลังจากได้เห็น พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา หนึ่งในสามนายพลที่ถูกคำสั่งย้ายจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถือดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาลาโทษยอมรับความผิดไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าอีกสองนายพลที่เหลือคือ กลับยังไม่ญาติดีด้วย โดยคนแรกที่เป็นคู่กรณีโดยตรง คือ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครอง หลังจากมีคำสั่งโยกย้ายเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม โดย พล.อ.เสถียร ไปร้องในวันที่ 29 สิงหาคม
และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กันยายนก็ได้รับการเปิดเผยจาก พล.อ.อ.สุกำพล ว่าศาลปกครองได้เรียกไปไต่สวนแล้ว แม้ไม่มีรายละเอียดเรื่องนี้มากนัก แต่ก็เป็นไปได้ว่า พล.อ.เสถียร อาจจะใช้ช่องทางกฎหมายร้องขอ “ไต่สวนฉุกเฉิน” ระงับคำสั่งเอาไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีในศาลปกครองจนถึงที่สุดก็ได้
นี่ว่ากันเฉพาะรายของ พล.อ.เสถียรเท่านั้น ยังมีรายของ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เป็นหนึ่งในแคดิเดตถูกเสนอให้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดย พล.อ.เสถียร ที่โดนร่างแหไปด้วย ได้แสดงปฏิกิริยามาตั้งแต่ต้นทำนองว่า “ฟ้องแน่” ยังไม่เคลื่อนไหวออกมาให้ชัดเจน เพราะกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์จัดงานศพลูกชายที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในต่างประเทศให้เสร็จสิ้นเสียก่อนไม่อาจทราบได้
แต่เอาแค่กรณีของ พล.อ.เสถียรรายเดียวสำหรับ พล.อ.อ.สุกำพล นาทีนี้ถือว่าแทบอ๊วกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินเสียงเตือนจากอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ที่ย้ำชัดว่าเวลานี้ พล.อ.เสถียรยังดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม แค่ไปช่วยราชการเท่านั้น และการที่มีการเรียกประชุมสภากลาโหมเพื่อพิจารณาแต่งตั้งโผโยกย้ายนายกทาหารประจำปี วันที่ 5 กันยายน โดยให้รักษาการปลัดกระทรวงกลาโหมเข้าไปร่วมนั้นไม่เคยมี และอาจถูกฟ้องผิดมาตรา 157 ซึ่งก็คือละเว้นและปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
เสียงเตือนเข้มแบบนี้แหละที่ทำให้โผทหารสะดุดกึกได้เหมือนกัน หากไม่เคลียร์เรื่องตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมกับ พล.อ.เสถียร ให้ลงตัวเสียก่อน แต่เมื่อมีการไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับศาลปกครองแบบนี้น่าจะเรื่องยาวและจบไม่สวย แน่นอน โดยเฉพาะหากยังเดินหน้าประชุมสภากลาโหมเพื่อแต่งตั้งนายทหารถือว่ามีความเสี่ยงต่อความผิดอีกหนึ่งข้อหาหนัก นั่นคือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดังกล่าว
แม้ว่าที่ผ่านมา ทั้งคู่คือทั้ง พล.อ.อ.สุกำพล และ พล.อ.เสถียร จะมาจากต้นตอเดียวกัน มาจากสาย ทักษิณ ชินวัตร และสายแกนนำคนเสื้อแดง ความหมายก็ไม่ต่างจาก “ทหารแตงโม” แต่ก็อย่างว่าเมื่อเดินทางมาถึงช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อทางแคบมันก็ต้องเผชิญหน้า ไม่มีทางเลี่ยง และว่ากันว่าคนในครอบครัวเดียวกันบางครั้งอาจสนิทสนมกัน แต่เมื่อถึงคราวทะเลาะเบาะแว้งทีไรเห็นมาหลายรายแล้วว่า “บ้านแตก”
สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล อาจไม่ใช่รายแรกที่มีชะตากรรมพลิกผันในตอนจบ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีรุ่นพี่อย่าง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร เป็นตัวอย่าง บุคลิกก็ห้าว ดุดันแบบนี้แหละ แต่บั้นปลายมีชะตากรรมที่น่าเศร้าถูกศาลสั่งจำคุก แต่โชคดีที่รอลงอาญา
กรณีโยกย้าย “สามนายพล” เข้ากรุไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีหนึ่งในสาม คือ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ถือพานดอกไม้ธูปเทียนขอขมาความผิดไปแล้วอย่างน่าพิศวง แต่ใช่ว่าเรื่องจะจบ เพราะประเด็นหลักยังอยู่ที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ของ พล.อ.เสถียร หากเจ้าตัวยังไม่ยอมมันก็ทำให้ขยับไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังมีคดีในศาลปกครองที่คาราคาซังอยู่ แต่หากยังดันทุรังถกโยกย้ายในสภากลาโหมวันที่ 5 กันยายน พล.อ.อ.สุกำพลก็อาจโดนอีกข้อหาตามมาตรา 157 ซึ่งอย่างหลังถือว่าน่าหวาดเสียว และเมื่อพิจารณาจากช่องกฎหมายแล้ว เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบไม่รู้ รู้แต่ว่าน่าเป็นห่วง เพราะหากไม่เคลียร์กับ พล.อ.เสถียรให้รู้เรื่องรับรองว่าจบไม่สวยแน่
อย่างไรก็ดี มองอีกมุมหนึ่งนี่อาจเป็นความขัดแย้งภายในครอบครัวทหารแตงโม อาจมีคนประสานให้จับมือกันได้ แต่เท่าที่ดูอาการแล้วมันไม่ง่าย เพราะลงลึกและไปไกลกลายเป็นแรงอาฆาตกันแล้ว และสำหรับ พล.อ.อ.สุกำพล ถ้าอยากจะเสี่ยงก็ต้องเดินหน้าลุยถั่วต่อไปเท่านั้น!!