หน.ปชป.ถกสภาผู้ส่งออกทางเรือ คาดเป้าอยู่ที่ร้อยละ 5-6 จวกนโยบายรัฐกระทบเศรษฐกิจไทย แนะอย่ามองแต่ปัญหาเฉพาะหน้า จี้เอาจริงป้องปรามทุจริต หลังโยกเลขาฯ ป.ป.ท. ปัดได้รับหนังสือเชิญถกไฟใต้จากรองนายกฯ ชี้ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ลั่นหากนายกฯ ไม่มาร่วมประชุม ก็ไม่มีประโยชน์
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่สภาผู้ส่งออกทางเรือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าหารือกับกรรมการสมาคมผู้ส่งออกทางเรือ ถึงข้อเสนอแนะที่รัฐบาลควรทำ หลังยอดส่งออกสินค้าจากไทยตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ว่า รัฐบาลอย่ามองปัญหาเฉพาะ แต่ควรมองล่วงหน้าไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี เพราะยอดส่งออกปีนี้ตกลงเหลือ 5-6% จากวิกฤตยุโรป ขณะที่ไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั่วโลกมีการแย่งชิงเจรจาข้อตกลงทางการค้า แต่นโยบายหลายอย่างของรัฐบาลกลับส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เช่น นโยบายลดภาษีนิติบุคคลไปไม่ถึงผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่รับผลกระทบมาก รัฐบาลต้องตั้งหลักสร้างกลไกให้เอกชนสามารถทำงานได้ ซึ่งในการประชุมปฏิบัติการที่รัฐบาลจัดมีการตั้งคณะกรรมการขึ้น 4 คณะผ่านมา 2 เดือนกว่ายังไม่สามารถผลักดันอะไรออกมาได้ เพราะมีทั้งปรากฏการณ์และนโยบายของรัฐบาลเองที่กระทบต่อการส่งออก แทนที่จะรับฟังทางเอกชนแต่ฟังหน่วยงานราชการเป็นหลัก
เมื่อถามว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เพิ่งจะระบุตัวเลขเป้าหมายการส่งออกจาก 15% ลดลงมาเหลือ 9% แสดงว่าก็เป็นไปไม่ได้อีกใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายกิตติรัตน์จะระบุว่าเป็นเป้าหมายหรืออะไรต่อไปหรือไม่ แต่วันนี้ทางสภาผู้ส่งออกได้ประเมินแล้วว่าน่าจะส่งออกที่ 5-6% และมีโอกาสที่จะส่งออกเพิ่มขึ้นได้ แต่ต้องมีมาตราการรองรับ ปีนี้เอกชนก็ทำใจแล้ว ปีหน้าน่าห่วงยิ่งกว่า และอีก 2 ปี ข้างหน้าที่เปิดประชาคมอาเซียน หากไทยยังไม่พร้อมก็รับผลกระทบแรงขึ้นแน่นอน น่าจะตกต่ำกว่า 6% เพราะเราพึ่งพาการส่งออก 70% ของรายได้ประชาชาติ และมีปัจจัยอื่นๆ อีก เสี่ยงต่อการกระทบแรง ยังไม่รวมแรงงงานต่างด้าว โครงสร้างภาษี การลงทุนต่างประเทศ แทนที่จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเดินหน้าเพื่มความพร้อม
ส่วนการย้าย พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปตำแหน่งอื่น หลังพบการทุจริตโครงการงบเยียวยาฟื้นฟูฯ น้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเห็นข่าวที่เลขาฯ ป.ป.ท.ออกมาระบุว่าฝ่ายการเมืองกดดัน ทั้งที่รัฐบาลเองบอกว่าจะป้องปรามการทุจริต หากรัฐบาลเองทำไม่ได้ เราก็ต้องตั้งข้อสงสัยว่าความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลมีมากน้อยแค่ไหน ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดี เพราะคนกำลังทำงาน และงบกลางหรืองบเงินกู้ที่กำลังจะใช้ต่อไปมีจำนวนมหาศาล ภาคเอกชนเองหรือหอการค้าจังหวัด ก็แสดงความเหนื่อยหน่าย สัปดาห์ที่แล้วฝ่ายค้านก็ตั้งกระทู้ถาม แต่นายกฯ ไม่ได้มาตอบ
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุได้ทำหนังสือเชิญนายอภิสิทธิ์ และส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ รวม 10 คน เพื่อร่วมประชุมหารือแก้ไขปัญหาไฟใต้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยืนยันว่ายังไม่ได้รับหนังสือเชิญดังกล่าว และหาก ร.ต.อ.เฉลิมมีความจริงใจ พร้อมรับฟัง และแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างจริงจังพรรคฝ่ายค้านก็พร้อมอยู่แล้ว แต่หาก ร.ต.อ.เฉลิมจะฟังคนเดียว ตนก็ไม่รู้จะเสนออย่างไร โดยที่นายกฯ ไม่มารับฟัง เพราะสิ่งที่จะเสนอก็ไม่อยู่ในอำนาจที่ ร.ต.อ.เฉลิมมีอำนาจจะตัดสินใจ ส่วนกรณี นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ที่จะขอข้อมูลชายชุดดำใช้อาวุธสงคราม ตนก็ได้มอบหมายให้นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ที่จะมอบข้อมูลให้ หาก นพ.เหวงไม่มีก็แสดงออกชัดเจนว่า เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยหาความจริงและแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ แต่ทำเพื่อโยงการเมืองเท่านั้น