“เทพเทือก” ห่วงเด้ง “ดุษฎี” เลขาฯ ป.ป.ท.ที่ออกมาแฉการทุจริตเงินฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วมปี 54 ส่ง “ประเวศน์” รองอธิบดีดีเอสไอ มือสอบ 98 ศพช่วงม็อบแดงเผาเมืองคุมคอร์รัปชันน้ำท่วม บอกถ้าเป็นจริงไม่งาม เหตุเลือกข้างชัดเจน ขณะเดียวกันติง มท.เป็นแม่งานเสวนาแก้ รธน. หวั่นไม่เป็นกลาง มีการชี้นำ รับฟังความเห็นไม่ทั่วถึง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวจะย้าย พ.ต.อ.ดุษฏี อารยะวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ออกจากตำแหน่ง โดยจะให้ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทำคดีการเสียชีวิตเหตุการณ์ทางการเมือง 98 ศพ ช่วงกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุม ให้ไปดำรงตำแหน่งแทน เนื่องจาก ป.ป.ท.ตรวจสอบพบการทุจริตเงินฟื้นฟู เยียวยาน้ำท่วมปี 2554 ในเกือบทุกโครงการของรัฐบาลว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงและกังวลใจ เพราะตนทราบว่า ป.ป.ท.กำลังตรวจสอบและเปิดการทุจริตในโครงการใช้งบประมาณน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ว่ามีจำนวนมาก หากจะเอา พ.ต.อ.ประเวศน์ไปนั่งเป็นเลขาฯ ป.ป.ท.จริงก็ไม่สวยงามแน่ เพราะได้แสดงลักษณะท่าทางและจุดยืนชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายไหน จึงอยากให้สังคมได้ช่วยกันติดตามตรวจสอบต่อไป
ส่วนที่ ครม. มีมติให้กระทรวงมหาดไทยเป็นแม่งานในการจัดเวทีสานเสวนารับฟังความเห็นในโครงการประชาสังคมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยใช้งบประมาณ 117 ล้านบาทเปิดเวทีทั่วประเทศว่า กรณีนี้ก็น่าเป็นห่วง เพราะ 1. การจะตั้งเวทีสานเสวนาน่าจะให้องค์กรที่เป็นกลางและเป็นอิสระ เช่น สถาบันพระปกเกล้า หรือสถาบันการศึกษาเข้ามาดำเนินการแทนเพื่อประชาชนจะมั่นใจในความเป็นกลางมากขึ้น
2. การตั้งเวทีเพื่อรับฟังความเห็นประชาชน ควรทำให้ทั่วถึงทุกจังหวัด โดยในแต่ละจังหวัดต้องจัดอย่างน้อย 2-3 ครั้ง แต่รัฐบาลกลับพยายามรวบรัดจะจัดเป็นกลุ่มจังหวัด ทำให้ประชาชนบางพื้นที่ บางจังหวัดจะไม่มีส่วนในการแสดงความเห็น และจำนวนครั้งที่จัดก็น่าห่วงเพราะอาจมีคนจำนวนน้อยที่เข้าถึง หากเป็นเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ซี่งรับนโยบายมาจากนักการเมืองอาจไปดำเนินการชี้นำ สอดคล้องกับเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ คือ หาทางสรุปออกมาให้ได้ว่า ประชาชนสนับสนุนให้เขียนรัฐธรรมนูญออกมาใหม่ทุกมาตรา หรืออ้างว่าประชาชนสนับสนุนให้ออกกกหมายปรองดอง ซึ่งเนื้อแท้ไม่ใช่ เพราะเป็นการล้างความผิด คนไทยเจ้าของประเทศจึงควรร่วมมือกันติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด อย่าละเลยจนเขาสามารถอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย และเป็นเรื่องยากที่จะได้รับการยอมรับเพราะประชาชนรู้มาก่อนแล้ว ว่าฝ่ายการเมืองสามารถกำกับควบคุมได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐใช้ประชาชนมาเป็นข้ออ้างการเคลื่อนไหวในสภาจะทำยากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เราก็สู้บนพื้นฐานความจริง ข้อเท็จจริงยุคนี้แล้ว รัฐบาลจะทำอะไร ไม่สามารถปกปิดความจริงได้ สิ่งที่ทำเป็นการสร้างฉากเพื่อหลอกลวงประชาชนว่าได้ถามคนส่วนใหญ่แล้ว เพื่ออ้างมาผลักดันในสภาฯ ซึ่งสอดรับกับสิ่งที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา เคยพูดชัดเจนในคลิปเสียง ก็ขอให้ประชาชนเปรียบเทียบพฤติกรรมและการกระทำของรัฐบาล แต่ติดว่าคนไทยคงไม่ยอมให้เขาไปเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ตามอำเภอใจ เพื่อประโยขน์ของพวกเขาเองคงไม่สำเร็จ