“โต้ง” เผยลงพื้นที่ภาคใต้ดูสถานการณ์ประทับใจการทำงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบุแม้สถานการณ์รุนแรงแต่จากสถิติการก่อเหตุลดลง ยันเงินเยียวยา “รัฐบาลปู” ไม่เลือกปฏิบัติ
นายกิติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ว่า ได้มีโอกาสลงไปทำภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาแล้วประมาณ 7-8 ปี ตั้งแต่สมัยที่อยู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้พบความพยายามในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มเอกชน อุตสาหกรรม และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ประทับใจการทำงานของคนเหล่านั้น
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถ้าย้อนดูตามสถิติของจำนวนเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะเห็นว่าลดน้อยลง รวมทั้งการกระจายในการก่อเหตุก็ลดลงด้วย เพราะในหลายๆ พื้นที่พี่น้องประชาชนได้ให้ความสนับสนุนกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการช่วยกันเป็นหูเป็นตา แต่ทั้งนี้ก็ยังคงมีเหตุการณ์ ที่ยังคงเล็ดลอดเกิดขึ้นอยู่บ้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องนี้ ส่วนตนก็ได้ประสานงานไปยังภาคธุรกิจในการสร้างโรงงานเพื่อสร้างงานให้เกิดขึ้นกับคนในพื้นที่ ซึ่งต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทั้งด้านความมั่นคง การป้องกันยาเสพติด และการศึกษา ซึ่งถ้าหากภาคเอกชนสนใจและต้องการให้ภาครัฐเชื่อมโยงอะไรก็เป็นเรื่องที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ฝากอะไรมาหรือไม่ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผู้ก่อความไม่สงบ สามารถนำธงประเทศเพื่อนบ้านไปปักในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่รู้เรื่องอะไรเลย นายกิตติรัตน์กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบช่วงเวลากลางคืน คนในพื้นที่ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตในสถานบันเทิง เมืองก็เลยเงียบสงบ ตรงนั้นก็อาจเป็นจังหวะเวลาที่ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบ มีเวลาในการก่อเหตุได้ ซึ่งตนก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ เพราะผู้ก่อความไม่สงบเห็นช่องว่างในการก่อเหตุตรงนี้ แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ก็มั่นใจว่าได้ทำงานตามหลักการ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาแล้ว
ต่อข้อถามว่าหลายฝ่ายผิดหวังกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะขัดความรู้สึกของประชาชนว่า สามารถจับผู้ก่อเหตุได้จริงหรืเปล่า นายกิตติรัตน์กล่าวว่า เข้าใจผู้ที่ทำหน้าที่ในส่วนกลาง แต่ส่วนใหญ่คนของประเทศ จะมองปัญหานี้ด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งยืนยันว่าเจ้าที่ในพื้นที่ทำงานจริงจัง โดยตนได้มีโอกาสสนทนากับเจ้าหน้าที่บังคับการเฉพาะกิจ และมีโอกาสได้หารือกับผู้บังคับการด้านนาวิกโยธิน ดูแลพื้นที่ต่างๆ หลายอำเภอ นอกจากนี้ตนยังได้สนทนาร่วมกับกำลังพล ซึ่งเชื่อว่าเขาทำงานกันอย่างหนักในพื้นที่
“การมีกลุ่มคนที่ต้องการก่อความไม่สงบเป็นเรื่องไม่ง่ายนักต่อการปฏิบัติในพื้นที่ เพราะบางทีสิ่งที่เราเห็นก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราเห็นว่าทำงานไม่ได้ผล แต่ถ้าเอาสถิติมาดูกัน เช่น การตรวจพบการวางระเบิด ซึ่งตรวจพบก่อนที่จะเกิดเหตุจริง ในจำนวนนั้น ก็แสดงถึงศักยภาพของการทำงานด้วย ซึ่งถ้าไม่ได้ตรวจพบเสียก่อน ความเสียหายก็อาจจะมากเพิ่มขึ้น ยืนยันว่าจำนวนสถิติต่างๆ มันดีขึ้นจริงๆ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายมีข้อเสนออย่างไร รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็น่าเห็นใจเขา เพราะคนที่มีความผูกพันกับท้องที่ ซึ่งนักธุรกิจเข้าใจเขาว่าการจะย้ายธุรกิจของเขาไปที่อื่น ไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่ว่าที่ยังตัดสินใจจะทำธุรกิจอยู่พื้นที่ ก็เพราะผู้ประกอบการเหล่านั้นผูกพัน และปรารถนาดีเนื่องจากเชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สามารถแก้ไขได้ โดยในส่วนที่ผู้ประกอบการฝากมา คือ อย่าให้ส่วนอื่นของประเทศหมดกำลังใจ และละทิ้งกัน ซึ่งก็ไม่ทอดทิ้งกันอยู่แล้วในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามจะแจ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทราบ เชื่อว่านายกฯ เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวมาก โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดไปปรึกษาหารือกันอีกที
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์นำชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่มาแถลง โดยระบุว่าได้รับเงินเยียวยาไม่เท่ากับที่กลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ถ้ามองเรื่องอะไรที่ไม่เท่ากัน ไม่เสมอกัน ไม่ยุติธรรมกัน บ้านเมืองก็จะวุ่นวายไปอีก ตนแน่ใจว่า รัฐบาลนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเลือกปฏิบัติ ทั้งรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลของนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมที่จะเป็นรัฐบาลของคนทุกภาค ดังนั้น การดูแลให้ประชาชนได้รับการเอาใจใส่นั้น เป็นความตั้งใจของทุกฝ่าย แต่รายละเอียดอาจแตกต่างกัน