ส.ส.บัญชีรายชื่อประชาธิปัตย์ เย้ยงานต่างประเทศรัฐบาล 1 ปี สุดล้มเหลว มีแต่ใช้อำนาจช่วย “นช.แม้ว” แถมไม่ปกป้องผลประโยชน์ชาติ หยัน “สุรพงษ์” แถลงสุดโม้ แขวะเยือนชาติอื่นบ่อยได้แค่ปริมาณ ฉะแอบอ้างผลงานยุค “อภิสิทธิ์” ด้วย
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะ รมว.ต่างประเทศเงา พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบการแถลงผลงานของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ โดยระบุว่างานด้านการต่างประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมีแต่ความล้มเหลว ไม่มีผลงานที่ประสบความสำเร็จ มีแต่การใช้อำนาจหน้าที่และบุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศไปรับใช้ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในการผลักดันให้มีการออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ การคืนพาสปอร์ต รวมถึงไม่มีการดำเนินการในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีหน้าที่ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนักโทษหนีคดีกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ตรงกันข้ามกลับมีข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศไปดูแล พ.ต.ท.ทักษิณด้วย อีกทั้ง 1 ปีที่ผ่านไม่มีการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ 4 เรื่อง คือ 1. กรณีเฮลิคอปเตอร์ไทยถูกทหารกัมพูชายิง ไม่มีการดำเนินการให้กัมพูชาขอโทษ ไม่มีการเรียกค่าเสียหายจากกัมพูชา อ้างแต่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ปล่อยให้เฮลิคอปเตอร์ของไทยถูกยิงโดยรัฐบาลไม่ดำเนินการด่านการต่างประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ
รมว.การต่างประเทศเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า 2. ไม่มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างไร ขณะเดียวกันกลับมีความพยายามจากผุ้สนับสนุนรัฐบาลในลักษณะมีผลประโยชน์ทับซ้อน 3. ยอมให้กัมพุชาเป็นเจ้่าภาพจัดประชุมกรรมการมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวทำให้กัมพูชาได้เปรียบส่งผลต่อ อธิปไตยของไทยและเป็นการกระทำที่ขัดต่อมติ ครม.ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ให้ไทยแข่งขันหากกัมพูชาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเพื่อลดความเสียเปรียบของฝ่ายไทย เนื่องจากหากกัมพูชาเป็นประธานประชุมกรรมการมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวก็จะทำให้ผลักดันวาระของตัวเองได้ง่ายขึ้น และ 4. กรณีนาซ่ารัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามของสมช.ที่มีความกังวลด้านความมั่นคงได้จึงทำให้ต้องล้มเลิกโครงการ
นายองอาจกล่าวว่า การแถลงของนายสุรพงษ์จึงเป็นการโม้ โอ้อวด แอบอ้าง คือ โม้ว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาและพม่า โดยเคยอ้างว่าจะนำนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ออกจากคุกกัมพูชา แต่ก็ทำไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีคนไทยที่ถูกจับในพม่า ก็ยังทำไม่ได้เช่นเดียวกัน ส่วนที่เป็นการโอ้อวดคือ มีการพูดถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี 18 ครั้งใน 1 ปี ของ รมว.ต่างประเทศ 40 ครั้ง ซึ่งเป็นการเยือนในลักษณะปริมาณไม่เห็นผลสัมฤทธิ์จากการทำงานดังกล่าวและเห็นว่าที่ต้องหยิบยกเรื่องนี้มาเพราะไม่มีผลงานที่ชัดเจนเพียงพอจึงต้องเอาปริมาณการเยือนต่างประเทศมาแถลงว่าเป็นผลงานแทน ส่วนที่บอกว่าการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านต้องจับตามองว่าเป็นการกระชับผลประโยชน์หรือไม่ เช่นกรณีกัมพูชา รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่โอนอ่อนผ่อนตามจนอาจนำไปสู่ความสูญเสียอธิปไตยของประเทศ การอ้างว่าเปิดด่านเมียวดีได้ทั้งที่ความจริงการปิดด่านเป็นเรื่องภายในของพม่าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เช่นเดียวกับการเปิดด่านก็เป็นเพราะพม่าแก้ปัญหาการเมืองภายในของตัวเองได้แล้วจึงเปิดด่าน ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
“มีการแอบอ้างเอาผลงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลก่อนหน้านี้ในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผลักดันจนเป็นรูปร่างแต่รัฐบาลชุดนี้มาปรับเปลี่ยนเส้นทางที่อาจทำให้เกิดความล่าช้า เช่นเดียวกับโครงการสร้างสะพานมิตรภาพเป็นโครงการต่อเนื่องของหลายรัฐบาลจึงไม่ควรแอบอ้าง นอกจากนี้ยังแอบอ้างเอางานของข้าราชการประจำเช่นการเจรจาทวิภาคี พหุภาคีกว่า 200 เรื่องมาอ้างเป็นผลงาน ทั้งที่เป็นการทำงานปกติและต่อเนื่องของข้าราชการประจำ ผลงานด้านการต่างประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ปีที่ผ่านมา จึงแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลว และหลังจากนี้เมื่อมีการแถลงผลงานเป็นรายกระทรวงก่อนที่จะมีการแถลงผลงานต่อสภา ครม.เงาจะติดตามและนำข้อเท็จจริงว่าเป็นผลงานจริงหรือไม่มาชี้ให้ประชาชนรับทราบถึงความบกพร่องแล้วความล้มเหลวให้สาธารณชนรับทราบเช่นเดียวกัน” นายองอาจกล่าว