"อ.ณรงค์" ยันโกหกตัวเลขส่งออกไม่ได้ช่วยอะไร เพราะไม่มีคนซื้อจริงอย่างไรมันก็เพิ่มไม่ได้ มิหนำซ้ำยังเป็นการทำลายเอสเอ็มอีที่ส่วนใหญ่ลงทุนตามคำพูดรัฐบาล ต่างกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเชื่อรัฐบาลอยู่แล้ว พร้อมแนะหากจะหันมากระตุ้นบริโภคภายใน ต้องลดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาถล่มผู้ประกอบการเล็กๆในไทยให้ได้เสียก่อน ด้าน "อัมรินทร์" ชี้คนเป็นรมว.คลัง วุฒิภาวะต้องสูงกว่านี้ ถ้าเป็นประเทศอื่นต้องลาออกไปแล้ว
วันที่ 24 ส.ค. รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายอัมรินทร์ คอมันตร์ นักธุรกิจระหว่างประเทศ ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายณรงค์ กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง บอกได้รับอนุญาตให้พูดจาไม่จริงได้ในบางเรื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ตนไม่เชื่อว่าการพูดโกหกเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีอาจารย์คนไหนสอนให้ลูกศิษย์โกหก ในฐานะที่ตนเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่จุฬาฯ รู้สึกเสียใจที่ศิษย์เศรษฐศาสตร์จุฬาฯพูดแบบนี้
ทางเศรษฐกิจ สังคมไทยปัจจุบันโตมาเป็นประเทศทุนนิยมระดับกลาง เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีวุฒิภาวะ ภาคอุตสาหกรรมของไทยพร้อมที่จะเจอปัญหา พร้อมที่จะต่อสู้ ฉะนั้นเมื่อเกิดอะไรขึ้นคนที่ทำงานร่วมกันต้องบอกความจริง ว่ามีสาเหตุจากมาจากอะไร เพื่อร่วมกันแก้ นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ หรือว่า นายกิตติรัตน์ ดูตลาดหุ้นมากเกินไป เพราะหากคนในรัฐบาลบอกว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้น คนจะแห่ไปซื้อหุ้นตัวนั้นจนมันขึ้นจริงๆ แต่ส่งออกทำไม่ได้ เพราะพูดว่าส่งออกโต แต่ความจริงไม่มีลูกค้าซื้อ มันจะขึ้นได้อย่างไร
ภาคเอกชนไทยไม่ใช่เด็กอมมือ เขาต้องการรู้ความจริงจะได้เตรียมตัวทัน ภาคธุรกิจไทยมีวุฒิภาวะสูงกว่ารัฐบาลหลายเท่า พวกบริษัทใหญ่ๆมีแผนเตรียมพร้อม เขาไม่เชื่อรัฐบาลอยู่แล้ว แต่พวกเอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง เขาฟังรัฐบาลเป็นหลัก พูดแบบนี้จะเป็นการทำลายธุรกิจเอสเอ็มอี มันเป็นการโกหกที่ทำลายคน เป็นการโกหกที่สกปรก ไม่ใช่โกหกสีขาว
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลโกหกมานานแล้วเรื่องการส่งออก มันเป็นมายาคติ การส่งออกที่จะช่วยประเทศชาติต้องทำแบบเยอรมัน คือ นำเข้าน้อย ทุกอย่างที่ผลิตคือมีในประเทศ แต่ของไทยนำเข้าเยอะ ในทางวิชาการ การค้าระหว่างประเทศของไทยมีส่วนสร้างจีดีพีแค่ 16 เปอร์เซ็นต์ เพราะส่งออกโดนนำเข้าลบหมด อีกอย่างเราไปส่งเสริมการลงทุนต่างชาติมากเกินไป ปีหนึ่งๆเราเสียรายได้จากภาษีให้ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประมาณ 3 .5 แสนล้านบาท แล้วภาษีที่ยกให้เขาไปนี้มีการจ้างงานแค่ 8 หมื่นกว่าคน เท่ากับว่ายกภาษีให้ 4 ล้านบาท เขาจ้างคนในประเทศแค่ 1 คน คิดดูมันคุ้มหรือไม่ ถ้าเราเอามาเป็นภาษี สามารถจ้างคนได้เยอะแยะ
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า ระบบการลงทุนของต่างชาติ ที่ทำมาสม่ำเสมอ ภาษาวิชาการเรียกว่า "การตั้งราคาโอน" คือการค้าขายระหว่างบริษัทลูกกับบริษัทแม่ เช่น บริษัทผลิตตู้เย็นขนาดยักษ์ ขายในแม็คโครให้คนไทย 4 หมื่นบาท แต่ส่งออกให้บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น 1 หมื่นบาท แล้วก็บอกว่าต้องขายไทยแพงๆเพราะส่งออกขาดทุน แบบนี้การส่งออกไม่ได้ช่วยสร้างจีดีพี
แล้วลองดูรายได้ประชาชาติของไทย พบว่ามาจากค่าจ้างของคนทำงานอย่างเราๆ 46 เปอร์เซ็นต์ มาจากกำไรบริษัทต่างๆ 17 เปอร์เซ็นต์ และมาจากคนที่ไม่ใช่นิติบุคคล เช่น ชาวไร่ ชาวนา หาบเร่แผงลอย ค้าขายเล็กๆน้อยๆ 37 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นว่าตัวสร้างรายได้จริงๆให้ประเทศชาติ ไม่ใช่ส่งออก
หากรัฐบาลจะใช้วิธีกระตุ้นการบริโภคภายใน ต้องถามว่ากำลังซื้อภายในมาจากไหน มาจากค่าจ้าง กับผู้ประกอบการเล็กๆน้อยๆ ที่สำคัญคือภาคผลิตพวกโชว์ห่วยต่างๆ แต่ถ้ารัฐให้บริษัทต่างชาติมาลง ขายได้มันส่งกำไรออกหมดเลย และผู้ประกอบการเล็กๆแข่งกับต่างชาติ กำไรก็ได้น้อยลง กำลังซื้อจะเพิ่มได้หรือ ถ้าจะส่งเสริมจริงต้องให้พวกผู้ประกอบการเล็กๆน้อยๆมีรายได้ดีขึ้น จะได้มีเงินหมุนเวียนในท้องถิ่น กำลังซื้อภายในก็โตได้ แต่ถ้าปล่อยต่างชาติเข้ามาเงินไหลออกหมด รัฐบาลจะอาศัยตลาดภายในเป็นตัวจูง แต่ที่ทำอยู่มันไม่เอื้อ มนุษย์ที่เสียภาษีเต็มที่คือมนุษย์เงินเดือน รัฐบาลบีบคนชั้นกลางขนาดนี้แล้ว กำลังซื้อจะเพิ่มได้อย่างไร
ด้านนายอัมรินทร์ กล่าวว่า วุฒิภาวะของผู้ที่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องสูงกว่านี้เยอะ ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่โกหกประชาชนซึ่งเป็นคนให้เงินเดือนคุณอีกแล้ว แสดงว่าทุกวันนี้โกหกกันทุกอย่าง เพราะคนสั่งคงเป็นคนเดียวกัน ประเทศอื่นทำแบบนี้ต้องลาออกแล้ว
ส่วนกรณีที่จะหันมากระตุ้นการบริโภคภายใน ตนมองว่าเป็นการทำลายคนในชาติและเศรษฐกิจของประเทศ การที่ให้ประชาชนจะอยู่ดีกินดีและประเทศชาติมั่นคง ต้องส่งเสริมให้คนในชาติผลิตเพื่อจำหน่ายและเพื่อส่งออก ไม่ใช่เพื่อส่งเสริมการบริโภค ดูอย่างวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ประเทศอื่นแย่หมดยกเว้นเยอรมัน เพราะคนเยอรมันเป็นผู้ผลิตและเป็นคนประหยัดในสายเลือด ถึงแม้เศรษฐกิจต่างประเทศไม่ดีกระทบส่งออกแน่ มันก็ไม่ได้แปลว่าหมดทางออก ยังค้าขายได้ ต้องรู้ช่องทางการเจาะตลาด และที่สำคัญอย่าให้กิจการต่างชาติมาฆ่าคนไทย รัฐวิสาหกิจที่ขายไปแล้วควรเอากลับมาเป็นของคนไทย
