xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณเข้มข้นจากกองทัพ เสียงฮึ่มหลอนจิต “ยิ่งลักษณ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
รายงานการเมือง

เรียกว่าเป็นลูกติดพันช็อตต่อเนื่องที่กระตุกต่อมความสัมพันธ์ระหว่าง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” กับ “กองทัพ” ในท่าทีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก ที่ออกมาคำรามส่งเสียงฮึ่มใส่บรรดาแนวรบแนวร่วมของรัฐบาลเป็นรอบที่สอง

หลังจากสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะคำรามใส่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทบชิ่งไปยัง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี จากกรณีที่ออกมาตีปี๊บประโคมข่าวว่ารู้ตัว “มือสไนเปอร์” ที่ส่อง “คนเสื้อแดง” ในวัดปทุมวนารามในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อปี 2553 และประกาศกร้าวว่าเตรียมเรียกตัวมาสอบสวนอยู่หยกๆ

ตะหวาดแบบดุๆ ชนิดที่คนเก่งปากกล้าอย่าง “สารวัตรเฉลิม” และขุมข่ายใต้บังคับบัญชาอย่างดีเอสไอถึงกับออกอาการเหวอรับประทานรีบส่งคนเข้าไปขอขมาและเคลียร์ใจเป็นการด่วน

ทว่า ความวัวยังไม่ทันจางหาย ความควายก็กระโดดเข้าแทรกรัฐบาลแบบทันควัน เมื่อ “บิ๊กตู่” จัดการมอบหมายกรมพระธรรมนูญ โดย “พ.ท.สายัณห์ ขุนขจี” ฟ้องร้องดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับ “โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

จากกรณีขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงมื่อวันครบรอบการปราบปรามการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.55 ที่ผ่านมา และได้ปราศรัยประณามกองทัพและวิจารณ์รัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ขายอาวุธและฝึกกองทัพไทยเพื่อสังหารคนอยู่เป็นประจำ ด้วยวาทกรรมเดิมๆ ที่ได้ยินบนเวทีเสื้อแดงอยู่บ่อยๆที่ว่า “ทหารเข่นฆ่าประชาชน”

ตามอารมณ์เดือดดาลที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ถ่ายทอดออกมา เรียกว่าขึงขังและดุดันกว่าทุกครั้ง และตามอาการไม่ใช่การฟ้องร้องธรรมดาๆ ดังที่เกิดขึ้นทั่วๆ ไปเป็นแน่ โดยเฉพาะการตอกย้ำถึงสิ่งที่กำลังดำเนินการ คือ ผู้นำที่ต้องการปกป้องเกียรติยศของกองทัพที่เป็นองค์กรหลักในการพิทักษ์รักษาชาติบ้านเมือง

“...จำไว้ว่าเรื่องสถาบันทหาร เกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศของคนทุกคนในกองทัพบก ก็ต้องรักษาชื่อเสียงของคนทุกคนในกองทัพบก ท่านต้องเห็นใจผมในฐานะที่เป็นองค์กรหนึ่งของรัฐ หากท่านสร้างความไม่น่าเชื่อถือกับกองทัพบก แล้วจะไปหากองทัพไหนมาช่วยท่าน” คือถ้อยแถลงเหตุผลของ “พล.อ.ประยุทธ์”

ใช้ข้ออ้างเดียวกับรอบแรก ชนิดก๊อบปี้กันมาเป๊ะทุกคำ!

ทั้งที่ชาวบ้านร้านตลาดก็เห็นอยู่ว่ากองทัพโดยผู้บริหารยุคนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ หรือมีแอคชั่นให้สมกับภารกิจในการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตย ผลประโยชน์แห่งชาติ และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์แม้แต่น้อย

จนถูกค่อนแคะว่าหากกองทัพยัง “เกียร์ว่าง” ไม่ฮือไม่อือกับขบวนการที่เป็นปฏิปักษ์กับสถาบันหลักของชาติอยู่เช่นนี้ อีกไม่นานอาจจะไม่มีชาติบ้านเมืองให้รักษา และที่ผ่านมาจะเห็นก็แต่เพียงท่าทีเกี้ยวกราดของ “ผบ.ตู่” ออกมาขึงขังคำรามเฉพาะเรื่องที่กระทบกับกองทัพเท่านั้น

กระนั้นก็ตามดูปฏิกิริยาในรอบสองของผู้นำเหล่าทัพที่ออกมาพ่นคำรามและมีท่าทีกับคนในเครือข่ายระบอบทักษิณที่เป็น “ด้านลบ” ยังเป็นอะไรที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จะต้องตีความและเงี่ยหูฟังให้มากขึ้น

ต้องไม่ลืมว่า ความโกรธเกรี้ยวที่เกิดขึ้นในรอบแรกของ “บิ๊กตู่” นั้นยังอยู่ในฐานที่เข้าใจได้ว่าเกิดจากการที่ “ดีเอสไอ” ล้ำเส้นเข้ามาแตะต้องผู้ใต้บังคับบัญชาและทำให้ภาพลักษณ์ของทหารเสื่อมเสีย

ความโมโหโกรธาแทนลูกน้องหรือองค์กรจึงเป็นของคู่กับผู้บังคับบัญชาอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานที่มีเกียรติภูมิและเป็นรั้วของชาติอย่างทหาร

ทว่าที่มาที่ไปของการเคลื่อนไหวในรอบหลังที่ให้ไปฟ้อง “ทนายเสื้อแดง” นั้นหาใช่เป็นสาเหตุเดียวกันไม่

ตรงกันข้ามกลับเดินเครื่องฟ้องร้องทนายความตาน้ำข้าวด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครเข้ามาสะกิดกองทัพและคดีดังกล่าวก็ล่วงเลยมาแล้วร่วม 3 เดือน มิหนำซ้ำการปราศรัยโจมตีหรือประณามกองทัพก็ถือเป็นของคู่กับเวทีปราศรัยเสื้อแดงที่มักมีการพาดพิงกันอยู่บ่อยๆ

เมื่อทัพสีเขียวถึงโพล่งขึ้นมาเอาเรื่อง “อัมสเตอร์ดัม” แบบเซอร์ไพรส์ คำถามจึงมีไปถึงต้นสายปลายเหตุของ “แอคชั่น” ในรอบนี้

แน่นอนว่าเป็นช่วงจังหวะครบ 3 เดือนนับจากวันที่ “ทนายโรเบิร์ต” กล่าวหากองทัพบนเวทีเสื้อแดงพอดี ซึ่งกฎหมายระบุไว้ชัดว่าหากจะฟ้องเล่นงานความผิดฐาน “หมิ่นประมาท” ต้องฟ้องร้องดำเนินคดีในห้วงระยะเวลาไม่เกิน 90 วันหรือ 3 เดือนจากวันที่พบเห็นการกระทำผิด

แต่การกระโดดลงมาชกด้วยตัวเองของกองทัพที่สงวนท่าทีมานานหลังจาก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” บริหารประเทศ และการรุกโจมตีคนทีมีความใกล้ชิดกับและเป็นมือกฎหมายของ “ทักษิณ” ในครั้งนี้

เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างอันตรายอย่างมาก

โดยเฉพาะกับ “ยิ่งลักษณ์” ที่พยายามเดินสายซื้อใจกองทัพมาตั้งแต่ก้าวเข้าบริหารประเทศใหม่ๆ ชนิดอะไรที่เป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อความร้าวฉานของทั้งสองอำนาจ “นารีปู” เลือกจะหลบหรือเลี่ยงให้แทบทุกครั้งไป

หลายครั้งเลือกที่จะเดินเคียงข้างเป็นคู่ตุนาหงันโชว์ภาพอี๋อ๋อ “พี่ตู่-น้องปู” ออกสื่อก็บ่อยไป

แต่เที่ยวนี้สัญญาณ “นัยยะ” ที่ถูกส่งมาจากผู้นำเหล่าทัพไม่ต่างจากการบีบให้เธอต้องเลือกทำอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะการล็อกเป้าเลือกเล่นงาน “ทนายโรเบิร์ต” ที่แม้วันนี้จะไร้ตำแหน่งทนายประจำตัว “ทักษิณ” ไปแล้ว แต่ภาพความสัมพันธ์ “แม้ว-โรเบิร์ต” ก็ยังแยกจากกันไม่ขาด

กลายเป็นว่า “พี่ตู่” เล่นบทตีวัวกระทบคราดแบบจังๆไม่เกรงใจ “น้องปู” แม้แต่น้อย เชื่อว่าเป็นสัญญาณระดับ “เข้มข้น” ขนาดนี้จงใจที่จะกระทุ้งให้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องออกแอคชั่นอะไรบางอย่าง

แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นการ “ล้อมคอก” ไม่ให้ลิ่วล้อออกมาล่อเป้า “กองทัพ” ให้กวนใจอีก มิเช่นนั้น “แอคชั่น” คราวต่อไปอาจถึงขั้นเรียกแถวออกมา “เอ็กเซอร์ไซส์”

หลอนประสาทนักการเมืองอีกครั้ง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
กำลังโหลดความคิดเห็น