เลขาฯ กกต.เผยที่ประชุม กก.สรรหา ส.ว.ภาคอื่น แทน “ศรีสุข” ตั้ง “วสันต์” ปธ. จ่อพิจารณา 31 รายชื่อสิ้นเดือนนี้ ด้าน “พิสิษฐ์” ถอนตัว อ้างยังไม่ใช่ ปธ.คตง.ตัวจริง ยันไม่หวั่นถูกฟ้องละเว้นหน้าที่
วันนี้ (20 ส.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ภาคอื่นแทนนายศรีสุข รุ่งวิสัย ที่ถูกศาลฎีกาเพิกถอนการสรรหา นัดแรกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาที่ประกอบด้วย ประธานกรรมการองค์กรอิสระ 5 องค์กร และผู้แทนจากศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด คือ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นางผานิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวัส ติงสมิตร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายเกษม คมสัตย์ธรรม ได้มีการประชุมและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้นายวสันต์ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม นายพิสิษฐ์ ลีลาวัชรโรภาส รักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าไม่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมทำหน้าที่กรรมการสรรหาเกรงว่าอาจถูกครหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยนายพิสิษฐ์เห็นว่าตามกฎหมายบัญญัติให้ผู้ที่จะทำหน้าที่กรรมการสรรหา เป็นหน้าที่ของประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตัวจริง ซึ่งนายพิสิษฐ์ระบุว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบหากมีการฟ้องร้องว่าตนเองละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรรมการสรรหา และขอให้สำนักงาน กกต.ที่เป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาไม่ต้องจัดส่งเอกสารไปให้ หลังจากนั้นกรรมการสรรหาก็ได้มีประชุมหารือและเห็นว่าขณะนี้ประธาน คตง.ยังไม่มี และนายพิสิษฐ์ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกระบวนการสรรหาตามความประสงค์ก็ได้ ทำให้คณะกรรมการสรรหาตามที่กฎหมายบัญญัติให้มี 7 คนเหลือเพียง 6 คน ซึ่งก็เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาร้องเรียนเพราะมาตรา 113 ระบุว่า กรณีไม่มีกรรมการในตำแหน่งใดหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ากรรมการที่เหลืออยู่นั้นมีจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งให้คณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาได้นัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 31 ส.ค. ซึ่งจะเป็นการพิจารณารายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาจำนวน 31 รายชื่อ
นายภุชงค์ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหายังได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้ารับการสรรหา ส.ว. โดยจะมีตัวแทนจาก 6 องค์กรที่ทำหน้าที่คณะกรรมการสรรหา องค์กรละ 2 คนรวม 12 คน และตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับการสรรหากับ 27 หน่วยงานที่มีข้อมูล ซึ่งก็จะเน้นการตรวจสอบในเรื่องลักษณะต้องห้ามต่างๆ ของการดำรงตำแหน่ง ส.ว. เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเสียสิทธิเลือกตั้ง โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำขอให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างรอบคอบ รัดกุม หากมีอะไรให้รีบรายงานคณะกรรมการสรรหาทราบทันที ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการสรรหาครั้งนี้เป็นเฉพาะการสรรหา ส.ว.ภาคอื่นเท่านั้น หากมีการปิดรับสมัครการสรรหา ส.ว.ภาควิชาชีพและภาครัฐแล้วค่อยเริ่มกระบวนการใหม่