xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายค้านจี้ รบ.เลิกดึงเกมส่งข้อมูลงบฯ โต้ข่าวฟันหัวคิว 35% แฉ พม.โกงน้ำท่วมยับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน(แฟ้มภาพ)
ฝ่ายค้านถาม รบ.ทุ่มงบกีฬา ผลงานกลับไม่ดี เทียบงบแข่งโอลิมปิกน้อยกว่า “ปู” บินไปนอกแยะ “จุรินทร์” บี้ขอเอกสารงบฯแก้น้ำท่วม 1.2 แสนล. และงบฉุกเฉิน 6.6 หมื่นล. มาหักล้างข้อกล่าวหาหัวคิว 35% อัดมั่วแต่ยื้อเวลา “พิเชษฐ” แฉ “เจ๊” เข้ามาคุมงบฯเอง โยกให้ จ.แพร่ถึง 3 พันล. “วิลาศ” ขอตัดงบ พม.3 พันล. ชี้โกงค่าของขวัญเด็ก ตั้งโครงการคนเปราะบางโกงเงินน้ำท่วม แถมส่อแววโกงจัดฝึกอบรมคลายเครียดน้ำท่วม

วันนี้ (17 ส.ค.) การประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่อพิจารณารางพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 วันที่ 3 เริ่มเมื่อเวลา 10.30 น. ในมาตรา 9 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 11 ,925 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในความดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายถึงการจัดสรรงบประมาณในด้านกีฬาจำนวนมาก แต่ผลงานนักกีฬากลับมีประสิทธิภาพที่ลดลง รวมทั้งการให้งบประมาณนักกีฬาไปแข่งขันโอลิมปิกก็น้อยมากหากเปรียบเทียบกับนายกฯ ที่เดินทางไปต่างประเทศในแต่ละครั้ง ขณะที่นายสหรัฐ กุลศรี ส.ส. สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้สร้างภาพลักษณ์ประเทศใหม่ ที่มองว่ามาเพื่อมี เซ็กซ์แทนที่จะมุ่งหมายมาท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าสู่มาตรา 10 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ทวงถามเอกสารงบประมาณกลางปี 55 เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาทและ งบประมาณใช้จ่ายฉุกเฉิน 6.6 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสาร หลังจากนายวิทยา บุรณศิริ รองประธาน กมธ.และ รมว.สาธารณสุข และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้รับปากจะมอบให้วันนี้ แต่สิ่งที่ได้รับคือเอกสารซึ่งไม่มีรายละเอียด หากรัฐบาลไม่สามารถนำมาแสดงได้ ก็ขอตั้งข้อกล่าวหาว่าเรียกหัวคิว 35% เป็นความจริง และมีเจตนาหลีกเลี่ยงการตรวจสอบซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกลัว

ด้าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ รองประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า สำนักงบประมาณได้ส่งเอกสารในภาพรวมของงบน้ำท่วมหมดแล้ว จำนวน 612 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 63 จากทั้งหมด 917 ชิ้น ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอยู่ที่หน่วยงานต่างๆ จะทยอยส่งให้ต่อไป ส่วนรายละเอียดลึกๆ ได้ส่งให้ กมธ.งบประมาณหมดแล้ว ซึ่งอยู่ในกล่องงบประมาณของพวกท่าน โดยขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ก็จะทยอยส่งเอกสารมาให้ หากได้เอกสารมาถึงมือตน เมื่อไหร่ จะมอบให้ประธานวิปฝ่ายค้านทันที

ขณะที่นายจุรินทร์ลุกขึ้นโต้อีกครั้ง โดยเรียกร้องหากนายวรวัจน์รับปากจะมอบเอกสารภายในเวลา 15.00 น. เรื่องก็จบ แต่ยังโยกโย้อย่างครั้งก่อนๆ จะมีการลุกขึ้นทวงถามต่อไปเรื่อยๆ

ส่วน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน การประชุมได้พยายามไกล่เกลี่ยโดยขอร้องให้นายวรวัจน์ได้รวบรวมเอกสารดังกล่าวและทยอยมอบให้สมาชิกให้ทันเวลา 15.00 น. เพื่อให้การประชุมเดินหน้าต่อไป แต่หากได้ไม่ครบก็ไปตรวจสอบในชั้น กมธ.35 คณะตรวจสอบต่อไป เพราะขั้นตอนเหล่านี้ผ่านมาหมดแล้ว ตนแปลกใจว่าเรื่องอย่างนี้เคยผ่าน กมธ.งบประมาณ ที่มีเวลาตรวจสอบถึง 2 เดือนมาแล้ว และทำไมถึงปล่อยมาถึงวันนี้ได้อย่างไร ซึ่งตนพยายามทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุด และเมื่อสักครู่ฝ่ายค้านยังชมว่าตนทำหน้าที่ได้ดี

ขณะที่ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ รอง กมธ.งบประมาณ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการย้ายนายวรวัจน์ จากกระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดูแลสำนักงบประมาณ มีข่าวว่าความมืดเข้ามาปกคลุมสำนักงบประมาณ จึงมีข่าว “เจ๊” ส่งใครเข้ามาคลุม และเข้าไปทำอะไร และมีคำสั่งให้เก็บเอกสารให้หมด แต่ได้หลุดมาที่ตนเพราะเจ้าหน้าที่นำมามอบให้ จึงได้พบว่างบจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ไปอยู่จังหวัดแพร่ถึง 3 พันล้านบาท จึงอยากบอกว่าเอกสารนั้นมี หรือที่ซ่อนไว้เพื่อโกง

ส่วนการอภิปรายในมาตรา 10 นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายขอตัดลดงบประมาณของจำนวน 3 พันล้านบาท เพราะมีเหตุผล 3 ประการ คือ 1. จากการที่กรมนี้ไปซื้อของขวัญแจกวันเด็ก ซึ่งจะจัดซื้อกันทุกปี โดยตนในฐานะที่เป็น กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาฯ เคยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเมื่อปี 53 ก็ทราบว่ามีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต มีการชี้แจงว่าซื้อของเล่น 1 ชิ้นหนึ่ง และหนังสืออีก 2-3 เล่ม เรียกมาชี้แจง 2 บริษัทราคาอยู่ที่ 80-100บาท แต่กรมนี้ไปซื้อที่ราคา 165 บาท ตนจึงกังวลเพราะปีนี้ก็มีการจัดซื้อกระเป๋าเด็กสีชมพูอีก แต่ยังไม่ได้เรียกมาถามเรื่องราคา ในฐานะที่ตนเป็น กมธ.และเป็นกรรมการกลางไม่อยากลำเอียง เพราะมีการปะทะกันระหว่างรัฐมนตรีกับปลัดก็ไม่อยากไปเรียกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาชี้แจง ก็เลยยกประโยชน์ให้จำเลยไป ปีนี้ไม่ได้เรียกมาชี้แจง แต่ปีหน้าถ้าซื้อแบบนี้อีกต้องเจอกัน เพราะกรมนี้มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต

นายวิลาศกล่าวต่อว่า 2. ช่วงน้ำท่วมรัฐบาลประกาศว่าผู้ประสบภัยทั้งหลายให้ไปแจ้งความจำนงโดยรัฐบาลจะจ่าย 5,000 บาททุกคน แต่อยู่ดีๆ กรมนี้ไม่รู้พิจารณากันอย่างไรไปออกแบบฟอร์มใบหนึ่งเรียกว่า โครงการช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบาง โดยทำผ่านศูนย์สุขภาพชุมชน ที่เห็นได้ชัดคือในเขต 9 กับเขต 10 มีการไปแจกแบบฟอร์มให้กลุ่มคนที่มีความเปราะบาง ตนก็สอบถามไปว่าเปราะบางเป็นอย่างไร คือ คนผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ และคนที่เข้าสังคมลำบากคือพวกติดคุก ทั้งหมดอยู่ภายใต้เงื่อนไขไม่สามารถประกอบอาชีพเหมือนคนปกติได้ โดยโครงการนี้แจกให้อีก 2,000 บาท แต่ปรากฏว่าคนที่ได้รับไปบางคนใส่สร้อยทองเส้นเท่านิ้วก้อยก็ยังได้ ไม่รู้ว่ามีการตรวจสอบกันอย่างไร ตนจึงอยากให้ยุบ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ แต่ถ้ายังยืนยันว่าสิ่งที่ทำถูกต้องก็เตรียมตัวไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะตนให้คนไปถ่ายรูปมาแล้วว่าคนที่ได้ไปเปราะบางจริงหรือไม่ ไม่มีอาชีพทำมาหากินจริงหรือไม่

นายวิลาศกล่าวต่อว่า 3. กรมพัฒนาสังคมฯ ยังทำโครงการพัฒนาศักยภาพประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมืองเพื่อความมั่นคงในชีวิต เป็นการจัดฝึกอบรม พร้อมกับพานั่งเรือเที่ยวเกาะเกร็ด คลายเครียดหลังน้ำท่วม แต่โครงการนี้มันไม่สุจริต เพราะพบว่าเวลาใครก็แล้วแต่ไปรับเงินราชการต้องเซ็นชื่อรับเงิน แต่โครงการนี้ตอนจะขึ้นจากเรือให้รับเงินคนละ 200 บาทโดยไม่ต้องเซ็นชื่อรับ และยังให้มีการถ่ายสำเนาบัตรประชาชน 2 ใบ โดยสั่งห้ามเซ็นสำเนารับรองใดๆ พฤติกรรมอย่างนี้ส่อว่าจะไปเซ็นชื่อเบิกเงินแทนประชาชน เพราะอาจจะไปเขียนตัวเลขว่า 1,000 บาท แล้วก็เขียนลายเซ็นให้เหมือนกับสำเนาบัตรประชาชน นอกจากนี้ยังมีการแจกประกาศนียบัตรเขียนว่าได้ผ่านการอบรม แต่ไม่มีการใส่ชื่อของผู้เข้าอบรมในประกาศนียบัตร ไม่มีถ่ายรูป ไม่มีเซ็นชื่อ ห้ามโทรศัพท์มือถือ เพราะกลัวว่าเขาจะไปอัดเทปแล้วไปเล่นงานทีหลังว่าโกง ซึ่งหลังจากโครงการนี้ไปได้ครึ่งทาง แทนที่จะไปแก้ไข เที่ยวต่อมาทำแบบใหม่ เอาสำเนาบัตรประชาชนโดยไม่ต้องเซ็นชื่อรับรองเหมือนเดิม ให้เซ็นชื่อรับเงินราชการ 400 บาท แต่ให้จริงแค่ 200 บาทเท่านั้น นี่คือการโกงชัดเจน ถ้า ป.ป.ช.ฟังการอภิปรายครั้งนี้ตั้งเรื่องสอบได้เลยตนจะไปเป็นผู้กล่าวหา พร้อมที่จะเป็นพยานในทุกขั้นตอน
กำลังโหลดความคิดเห็น