รายงานการเมือง
ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะได้จังหวะอุ่นเครื่องทดสอบความฟิตตัวเองก่อนทำศึกใหญ่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยการอุ่นเครื่องพลพรรคก่อนกับการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556
ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณากันในวาระ 2 และ 3 เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน คือตั้งแต่พุธที่ 15 สิงหาคม ถึงศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2555 หลังกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56 ของสภาฯ พิจารณาวงเงินทั้งหมด ทั้งปรับลด-เพิ่มงบในกระทรวง และโครงการต่างๆ เรียบร้อยหมดแล้ว จากที่วาระแรก สภาฯเห็นชอบกรอบวงเงินมาทั้งสิ้น 2.4 ล้านล้านบาท
ประชาธิปัตย์โดยสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นำร่องบอกประเด็นไว้ล่วงหน้าว่า จะมี ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้เป็น กมธ.งบฯ 56 รวมถึงพวก ส.ส.ของพรรคที่เป็น กมธ.งบฯ 56 ที่ได้ขอสงวนคำแปรญัตติเพื่อใช้สิทธิอภิปรายครั้งนี้ร่วมร้อยคน โดยมุ่งเน้นในกรอบการอภิปราย 3 ประเด็น คือ
1. ความล้มเหลวของการใช้งบประมาณในนโยบายสำคัญ ตามที่ได้หาเสียงไว้ ทั้งโครงการการรับจำนำข้าว กองทุนตั้งตัวได้ เป็นต้น
2. ความผิดพลาดบกพร่องของการบริหารจัดการงบประมาณที่ใช้บริหารประเทศ เช่น การแก้ไปปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร สินค้าแพงราคาแพง
3. ความไม่ชอบมาพากลของการตั้งงบประมาณไว้ใช้จ่ายในลักษณะการเอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาทิ การตั้งงบประมาณให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 900 ล้านบาท แต่กลับไม่มีรายละเอียดของการใช้เงิน และให้ฝ่ายการเมืองมีดุลพินิจที่จะใช้เงินดังกล่าว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูการประชุมใหญ่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ 14 สิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะมีการซักซ้อมรอบสุดท้าย ที่จะมีแกนนำของพรรค-กมธ.งบฯ 56 ของพรรค และส.ส.ปชป. มาร่วมกันซักซ้อมประเด็นการอภิปรายก่อนจะขึ้นเวที
ดูแล้วเชื่อว่า พวกรุ่นเก๋าส์ของพรรค คงไม่อภิปรายกันมาก เพราะเวทีอภิปรายงบประมาณ ถือเป็นเวทีเล็ก ส่วนใหญ่จะรอขึ้นชกเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหลัก แต่คงมีแกนนำพรรคบางส่วน โดยเฉพาะพวกทีมเศรษฐกิจ ก็คงใช้สิทธิอภิปรายรอบนี้ด้วยหลายคน อาทิ กรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง เป็นต้น
และเป็นไปได้ที่การประชุมตลอดสามวันดังกล่าว คงมีประเด็นต่างๆ นอกเหนือจาก 3 ประเด็นใหญ่ข้างต้นไปพูดใน เวทีอภิปรายงบฯ 56 ด้วยแน่นอน โดยเฉพาะประเด็นการเมืองต่างๆ ที่จะเกี่ยวพันกับงบในกระทรวงต่างๆ ที่เป็นประเด็นการเมืองร้อนๆ ก็คงมีการโฉบไปพูดถึงบ้างแน่นอน เพราะชั้นเชิงลูกล่อลูกชน ปชป.ขึ้นชื่ออยู่แล้ว
อย่างที่สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตเรื่องงบ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 900 ล้านบาท ที่บอกว่าไม่มีรายละเอียดของการใช้เงิน ดูแล้วก็อาจเป็นไปได้ที่ ปชป. จะอภิปรายงบตรงนี้ เพื่อพยายามโยงไปถึง คนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในทำเนียบรัฐบาลและสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นแน่แท้
ทั้งนี้งบฯ 56 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ถือเป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีแรกที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จัดทำมาตั้งแต่ต้นเป็นปีแรก
จากเอกสารของกมธ.วิสามัญงบฯ 56 ให้รายละเอียดการปรับลดว่า มีการปรับลดงบประมาณหน่วยงานต่างๆ ลงประมาณ 22,003,385,300 บาท โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยถูกปรับลดมากที่สุดประมาณ 5,210 ล้านบาท รองลงมากระทรวงศึกษาธิการ ปรับลด 2,623 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับลดไป แต่ในชั้นการแปรงบประมาณเพิ่มกลับเข้ามาใน กมธ.งบฯ 56 ก็พบว่า วงเงินทั้งหมดที่ปรับเพิ่มก็ยังเท่ากับวงเงินที่มีการปรับลดเท่าเดิมเหมือนเช่นเกือบทุกปี
โดยหน่วยงานที่ได้รับการปรับเพิ่มเข้ามามากที่สุด ก็ยังเป็นกรมส่งการปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 4,840 ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 2,959 ล้านบาท
หากดูตามกรอบเบื้องต้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะเท่ากับงบกระทรวงศึกษาฯ ได้รับเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ 300 กว่าล้าน ก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนสำหรับการให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาชาติ
แต่อย่าเอางบที่กระทรวงศึกษาธิการได้จำนวนมากเป็นลำดับแรกของทุกปี ไปใช้เป็นงบสนับสนุนหรือเบี้ยเลี้ยงประชุมพวกแกนนำ นปช. หรือพวกเสื้อแดง ที่ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการไปตั้งมาเป็นพวกคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา อย่างที่เป็นข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็แล้วกัน มันเปลืองภาษีประชาชนจริงๆ
ส่วนฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ก็เตรียมตั้งรับเต็มที่ นัดหมายประชุมใหญ่วันที่ 14 ส.ค. จะมีคนมาร่วมประชุมทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์, ส.ส.เพื่อไทย รวมถึงพวกรัฐมนตรีและบรรดาพวกข้าราชการการเมืองในกระทรวงต่างๆ เช่น ที่ปรึกษา-เลขานุการรัฐมนตรี เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฝ่ายค้าน ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56
เบื้องต้นบอกมาว่า เพื่อไทยก็จะใช้ขอสิทธิกันเต็มที่เหมือนกัน เพราะมี ส.ส. และกมธ.งบฯ 56 ของพรรคเพื่อไทยกว่า 70 คน ที่แปรญัตติไว้ก็จะอภิปรายเช่นกัน
แต่ดูแล้ว คาดเดาได้ว่าอาจออกมาแนว ยอวาที คือมาใช้เวทีประชุมสภาฯ ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียมากกว่า เพื่อหวังเสนอหน้าและตัดจังหวะเบรกอารมณ์คนดูคนฟัง ไม่ให้คล้อยตามฝ่ายค้านให้มาก
ก่อนจะถึงวันประชุมพรรค 14 สิงหาคม จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ไม่รู้กลัวอะไรหนักหนา นี่ขนาดแค่เวทีอภิปรายงบฯ 56 ไม่ใช่เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาบอกว่าพรรคเพื่อไทย จะตั้งทีมองครักษ์ขึ้นมา 3 ชุดๆ ละ 5 คน
เปิดชื่อออกมา ก็ล้วนขาประจำ ทำหน้าที่องครักษ์มาตลอดชีวิตการเมือง ส่วนใหญ่ล้วนหน้าเดิมๆ ประเภทชอบเอาใจนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนั้น อย่าง ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม สุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
บรรดาลิ่วล้อ องครักษ์พิทักษ์รัฐบาลทั้งหลาย ที่พร้อมใจอยากทำหน้าที่นี้กันเกือบทั้งพรรค บอกกันเลยว่า จะมีการเซ็ตทีมองครักษ์ ตั้งแถวเช็คชื่อสลับกันเข้าเวรตลอด 3 วัน 3 คืน และภารกิจหลักก็อย่างที่บอกแล้วว่า ยอมไม่ได้ก็คือ ห้ามเด็ดขาดไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายนอกเรื่องงบประมาณ โดยเฉพาะหากแวะเวียนมาแตะต้อง ทักษิณ ชินวัตร กลางสภาฯ ได้เจอกันแน่
3 วัน 3 คืน อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56 ดูแล้วคงไม่ถึงกับ ร้อนแรง ซัดกันดุดัน ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เนื่องจากกรอบการอภิปรายก็ต้องอยู่ในเรื่องงบประมาณเป็นหลักจะออกนอกเรื่องก็พอได้แต่เกินขอบเขตมากนักก็ไม่ได้
ประชาธิปัตย์คงต้องการแค่อุ่นเครื่อง ได้ทุบรัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ เบาะๆ รอบนี้ก่อน แล้วอภิปรายไม่ไว้วางใจค่อยว่ากันชุดใหญ่
ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะได้จังหวะอุ่นเครื่องทดสอบความฟิตตัวเองก่อนทำศึกใหญ่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยการอุ่นเครื่องพลพรรคก่อนกับการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556
ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณากันในวาระ 2 และ 3 เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน คือตั้งแต่พุธที่ 15 สิงหาคม ถึงศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2555 หลังกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56 ของสภาฯ พิจารณาวงเงินทั้งหมด ทั้งปรับลด-เพิ่มงบในกระทรวง และโครงการต่างๆ เรียบร้อยหมดแล้ว จากที่วาระแรก สภาฯเห็นชอบกรอบวงเงินมาทั้งสิ้น 2.4 ล้านล้านบาท
ประชาธิปัตย์โดยสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นำร่องบอกประเด็นไว้ล่วงหน้าว่า จะมี ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้เป็น กมธ.งบฯ 56 รวมถึงพวก ส.ส.ของพรรคที่เป็น กมธ.งบฯ 56 ที่ได้ขอสงวนคำแปรญัตติเพื่อใช้สิทธิอภิปรายครั้งนี้ร่วมร้อยคน โดยมุ่งเน้นในกรอบการอภิปราย 3 ประเด็น คือ
1. ความล้มเหลวของการใช้งบประมาณในนโยบายสำคัญ ตามที่ได้หาเสียงไว้ ทั้งโครงการการรับจำนำข้าว กองทุนตั้งตัวได้ เป็นต้น
2. ความผิดพลาดบกพร่องของการบริหารจัดการงบประมาณที่ใช้บริหารประเทศ เช่น การแก้ไปปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร สินค้าแพงราคาแพง
3. ความไม่ชอบมาพากลของการตั้งงบประมาณไว้ใช้จ่ายในลักษณะการเอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาทิ การตั้งงบประมาณให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 900 ล้านบาท แต่กลับไม่มีรายละเอียดของการใช้เงิน และให้ฝ่ายการเมืองมีดุลพินิจที่จะใช้เงินดังกล่าว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูการประชุมใหญ่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ 14 สิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะมีการซักซ้อมรอบสุดท้าย ที่จะมีแกนนำของพรรค-กมธ.งบฯ 56 ของพรรค และส.ส.ปชป. มาร่วมกันซักซ้อมประเด็นการอภิปรายก่อนจะขึ้นเวที
ดูแล้วเชื่อว่า พวกรุ่นเก๋าส์ของพรรค คงไม่อภิปรายกันมาก เพราะเวทีอภิปรายงบประมาณ ถือเป็นเวทีเล็ก ส่วนใหญ่จะรอขึ้นชกเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหลัก แต่คงมีแกนนำพรรคบางส่วน โดยเฉพาะพวกทีมเศรษฐกิจ ก็คงใช้สิทธิอภิปรายรอบนี้ด้วยหลายคน อาทิ กรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง เป็นต้น
และเป็นไปได้ที่การประชุมตลอดสามวันดังกล่าว คงมีประเด็นต่างๆ นอกเหนือจาก 3 ประเด็นใหญ่ข้างต้นไปพูดใน เวทีอภิปรายงบฯ 56 ด้วยแน่นอน โดยเฉพาะประเด็นการเมืองต่างๆ ที่จะเกี่ยวพันกับงบในกระทรวงต่างๆ ที่เป็นประเด็นการเมืองร้อนๆ ก็คงมีการโฉบไปพูดถึงบ้างแน่นอน เพราะชั้นเชิงลูกล่อลูกชน ปชป.ขึ้นชื่ออยู่แล้ว
อย่างที่สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตเรื่องงบ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 900 ล้านบาท ที่บอกว่าไม่มีรายละเอียดของการใช้เงิน ดูแล้วก็อาจเป็นไปได้ที่ ปชป. จะอภิปรายงบตรงนี้ เพื่อพยายามโยงไปถึง คนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในทำเนียบรัฐบาลและสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นแน่แท้
ทั้งนี้งบฯ 56 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ถือเป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีแรกที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จัดทำมาตั้งแต่ต้นเป็นปีแรก
จากเอกสารของกมธ.วิสามัญงบฯ 56 ให้รายละเอียดการปรับลดว่า มีการปรับลดงบประมาณหน่วยงานต่างๆ ลงประมาณ 22,003,385,300 บาท โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยถูกปรับลดมากที่สุดประมาณ 5,210 ล้านบาท รองลงมากระทรวงศึกษาธิการ ปรับลด 2,623 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับลดไป แต่ในชั้นการแปรงบประมาณเพิ่มกลับเข้ามาใน กมธ.งบฯ 56 ก็พบว่า วงเงินทั้งหมดที่ปรับเพิ่มก็ยังเท่ากับวงเงินที่มีการปรับลดเท่าเดิมเหมือนเช่นเกือบทุกปี
โดยหน่วยงานที่ได้รับการปรับเพิ่มเข้ามามากที่สุด ก็ยังเป็นกรมส่งการปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 4,840 ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 2,959 ล้านบาท
หากดูตามกรอบเบื้องต้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะเท่ากับงบกระทรวงศึกษาฯ ได้รับเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ 300 กว่าล้าน ก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนสำหรับการให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาชาติ
แต่อย่าเอางบที่กระทรวงศึกษาธิการได้จำนวนมากเป็นลำดับแรกของทุกปี ไปใช้เป็นงบสนับสนุนหรือเบี้ยเลี้ยงประชุมพวกแกนนำ นปช. หรือพวกเสื้อแดง ที่ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการไปตั้งมาเป็นพวกคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา อย่างที่เป็นข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็แล้วกัน มันเปลืองภาษีประชาชนจริงๆ
ส่วนฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ก็เตรียมตั้งรับเต็มที่ นัดหมายประชุมใหญ่วันที่ 14 ส.ค. จะมีคนมาร่วมประชุมทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์, ส.ส.เพื่อไทย รวมถึงพวกรัฐมนตรีและบรรดาพวกข้าราชการการเมืองในกระทรวงต่างๆ เช่น ที่ปรึกษา-เลขานุการรัฐมนตรี เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฝ่ายค้าน ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56
เบื้องต้นบอกมาว่า เพื่อไทยก็จะใช้ขอสิทธิกันเต็มที่เหมือนกัน เพราะมี ส.ส. และกมธ.งบฯ 56 ของพรรคเพื่อไทยกว่า 70 คน ที่แปรญัตติไว้ก็จะอภิปรายเช่นกัน
แต่ดูแล้ว คาดเดาได้ว่าอาจออกมาแนว ยอวาที คือมาใช้เวทีประชุมสภาฯ ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลโดยเฉพาะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียมากกว่า เพื่อหวังเสนอหน้าและตัดจังหวะเบรกอารมณ์คนดูคนฟัง ไม่ให้คล้อยตามฝ่ายค้านให้มาก
ก่อนจะถึงวันประชุมพรรค 14 สิงหาคม จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ไม่รู้กลัวอะไรหนักหนา นี่ขนาดแค่เวทีอภิปรายงบฯ 56 ไม่ใช่เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาบอกว่าพรรคเพื่อไทย จะตั้งทีมองครักษ์ขึ้นมา 3 ชุดๆ ละ 5 คน
เปิดชื่อออกมา ก็ล้วนขาประจำ ทำหน้าที่องครักษ์มาตลอดชีวิตการเมือง ส่วนใหญ่ล้วนหน้าเดิมๆ ประเภทชอบเอาใจนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนั้น อย่าง ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม สุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
บรรดาลิ่วล้อ องครักษ์พิทักษ์รัฐบาลทั้งหลาย ที่พร้อมใจอยากทำหน้าที่นี้กันเกือบทั้งพรรค บอกกันเลยว่า จะมีการเซ็ตทีมองครักษ์ ตั้งแถวเช็คชื่อสลับกันเข้าเวรตลอด 3 วัน 3 คืน และภารกิจหลักก็อย่างที่บอกแล้วว่า ยอมไม่ได้ก็คือ ห้ามเด็ดขาดไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายนอกเรื่องงบประมาณ โดยเฉพาะหากแวะเวียนมาแตะต้อง ทักษิณ ชินวัตร กลางสภาฯ ได้เจอกันแน่
3 วัน 3 คืน อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56 ดูแล้วคงไม่ถึงกับ ร้อนแรง ซัดกันดุดัน ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เนื่องจากกรอบการอภิปรายก็ต้องอยู่ในเรื่องงบประมาณเป็นหลักจะออกนอกเรื่องก็พอได้แต่เกินขอบเขตมากนักก็ไม่ได้
ประชาธิปัตย์คงต้องการแค่อุ่นเครื่อง ได้ทุบรัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ เบาะๆ รอบนี้ก่อน แล้วอภิปรายไม่ไว้วางใจค่อยว่ากันชุดใหญ่
