"ชวนนท์" ซัด รบ.ทำกำไร ปตท. ไม่ดูแล ปชช. ชะลอเก็บเงินกองทุนน้ำมันแต่ราคากลับเพิ่ม 2 บ. เอื้อเอกชนขึ้นค่าการตลาด แต่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลดลง ทำ ปชช.ใช้น้ำมันแพงแม้ราคาตลาดโลกลด อัดเศรษฐกิจไทยขาดดุลบัญชีถึง 3.6 แสน ล.สูงเป็นประวัติการณ์ เชื่อกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกไม่ได้ ซัด "ยรรยง" แกล้งโง่หรือโง่จริง เห็นที่ปลูกข้าวโพดเป็นที่ปลูกข้าว
วันนี้ (13 ส.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขึ้นราคาน้ำมันของ ปตท.ว่ามีความผิดปกติ โดยโครงสร้างราคาน้ำมันจะประกอบด้วยราคาน้ำมันดิบ เงินเข้ากองทุนน้ำมัน ค่าการตลาด ซึ่งทั้งหมดจะรวมเป็นราคาขายปลีกไม่รวมภาษี โดยในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศชะลอการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แต่พอถึงปลายธันวาคม 2554 ราคาน้ำมันสูงขึ้น 2 บาท ทั้งที่ไม่มีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบนั้น ในช่วงปลายธันวาคมก็ถูกกว่าปลายสิงหาคม เท่ากับว่ารัฐบาลสมคบคิดกับ ปตท.ในการเอากองทุนน้ำมันเป็นเครื่องมือสร้างกำไรให้ ปตท.ไม่ใช่ดูแลประชาชน ทั้งที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลง เงินเข้ากองทุนน้ำมันก็ไม่ได้เก็บ แต่กลับขายปลีกในราคาที่สูงขึ้น
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในปี 2555 ช่วงกลางเดือนมิถุนายนพบว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลง แต่ราคาขายปลีกไม่ลดเพราะมีการขึ้นค่าการตลาดน้ำมันทุกชนิดในจังหวะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ทำให้คนไทยไม่ได้ใช้น้ำมันถูกในวันที่ตลาดโลกลดลง โดยตลอดการบริหารงานของรัฐบาลจะใช้วิธีการลักษณะนี้คือ ปล่อยเอกชนขึ้นค่าการตลาด แต่รัฐเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลดลง เป็นความสัมพันธ์ในเชิงผกผัน ค่าการตลาดเพิ่ม เก็บเงินเข้ากองทุนลด คือเอาเงินกองทุนน้ำมันไปถลุงเพื่อประโยชน์ของเอกชน
นายชวนนท์ยังแสดงความกังวลตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งปี 2554 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้พบว่ามีผู้ว่างงานเพิ่มกว่า 1 แสนคน ธุรกิจปิดตัวมากกว่าปีที่แล้วเกือบ 2 พันราย และขาดดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 3.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากลัว โดยรัฐบาลไปหวังพึ่งการส่งออกข้าวในอนาคต แต่ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะกรณีที่นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พูดทำนองว่าขายในราคาไม่ต่ำกว่าตลาดโลก แต่ล่าสุดยอมรับว่าคงไม่สามารถขายในราคาตลาดโลกได้ และไม่ยอมเปิดเผยว่าจะขายราคาเท่าไหร่ ให้ใคร ตนจึงไม่เชื่อว่าจะขายได้ในราคาที่ต้องการ จากนโยบายเช่นนี้จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเสียหายหนักขึ้น ซึ่งในขณะนี้ก็มากกว่าปีที่แล้วถึง 12 เท่า สูงสุดเป็นประวัติการณ์
“รัฐบาลต้องรีบไปแก้ปัญหา ไม่ใช่ออกมาปล่อยไก่ซ้ำซาก การที่นายยรรยงพยายามพูดถึงการขายข้าวแบบจีทูจี และระบุว่าอินเดีย สหรัฐฯ เกิดภัยแล้งนั้นขอให้ไปเรียนภูมิศาสตร์ใหม่ เพราะพื้นที่ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในอินเดียและสหรัฐฯ นั้นเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดไม่ใช่ปลูกข้าว จึงไม่รู้แกล้งโง่ หรือโง่จริง อย่างไรก็ตาม เห็นว่ารัฐบาลควรจะไปแก้ไขปัญหาและเตรียมพร้อมสำหรับการตอบคำถามในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ร.บ.งบประมาณและการแถลงนโยบายดีกว่า” นายชวนนท์กล่าว