การประชุม ส.ส.ปชป.ถกเรื่องคดีเงินบริจาคน้ำท่วมของดีเอสไอ ชี้ สอบเฉพาะผู้ที่เคยบริจาคผ่านพรรคไปให้รัฐบาลเท่านั้น ไม่เว้นเงินแค่สี่ร้อย มองโยงการเมืองเพื่อจับผิด เตรียมยื่นผู้ตรวจฯ สอบ “ชวน” แนะ ส.ส.อย่าหยิบข้อมูลจากสื่อทั้งหมด แต่ให้ต่อยอด-เก็บข้อมูลให้ครบ ไว้เป็นหมัดน็อก “อภิสิทธิ์” เผยขอให้อดทนถูกรัฐบาลปรามาส ยันอภิปรายเอง แนะอย่ากังวลกรุงเทพโพลล์ เพราะปกติไม่เคยให้ผ่านอยู่แล้ว
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ การประชุม ส.ส.ของพรรคได้มีการหารือถึงกรณีที่กรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหนังสือเรียกตัวผู้ที่เคยบริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมผ่านพรรคประชาธิปัตย์ ไปให้รัฐบาลมาสอบปากคำ โดย นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.กทม.เปิดเผยว่า มีการเรียกสอบไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่บริจาคเงินแค่ 400 บาท หรือแม้กระทั่งสมาคมฌาปนกิจที่บริจาคเงิน 2 หมื่นบาท
โดย นายถาวร เสนเนียม ฝ่ายกฎหมายพรรค กล่าวว่า กรณีนี้ตอนที่เกิดน้ำท่วม ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคยยกเว้นการบริจาคเพื่อการช่วยเหลือคนในชาติ และมองเจตนาของดีเอสไอ ว่า มีการเรียกไปสอบเฉพาะผู้ที่เคยบริจาคผ่านพรรคประชาธิปัตย์ไปให้รัฐบาลเท่านั้น ขณะที่ในส่วนของจังหวัดต่างๆ ในเวลานั้นก็ได้มีการรับบริจาคจากพ่อค้าประชาชนในแต่ละจังหวัดเพื่อไปให้รัฐบาลในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่มีการเรียกสอบ จึงมองเจตนาครั้งนี้ว่าเชื่อมโยงการเมืองเพื่อจับผิด
ทั้งนี้ พรรคจะยื่นหนังสือร้องต่อผู้ตรวจการรัฐสภา ดำเนินการตรวจสอบดีเอสไอ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนที่เคยบริจาคผ่านพรรคที่ถูกดีเอสไอเรียกสอบ ที่ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าประชาชน คนทำมาหากิน ต่างหวาดกลัวว่าจะกระทบต่ออาชีพ ให้มาร้องเรียนและปรึกษากับทีมกฎหมายได้ที่พรรค โดยจะมีการจัดเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องและประสานทางคดี
ต่อมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยแนะนำ ส.ส.ว่า เรื่องที่เห็นว่าสามารถติดตามข้อมูลประเด็นต่างๆ ผ่านทางสื่อได้ แต่อย่านำข้อมูลมาทั้งหมด ขอให้มีการต่อยอดและสืบสาวเก็บข้อมูลพยานหลักฐานให้ครบถ้วน ชัดเจน และบางเรื่องก็ไม่สมควรเปิดเผยประเด็นต่างๆ ก่อน ควรเก็บไว้เป็นหมัดน็อกเพราะยังมีเวลา 120 วัน พึ่งเปิดสภาช่วงแรก ค่อยๆ รวบรวมข้อมูลไป พร้อมกับติงหลายคนที่ออกมาเปิดเผยว่าจะพูดเรื่องประเด็นต่างๆ ไม่ต้องพูดก็ได้
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดว่า ตนเข้าใจที่มี ส.ส.พรรคออกไปพูดเรื่องประเด็นที่จะซักฟอก เพราะบางครั้งฝ่ายรัฐบาลก็ปรามาสว่าไร้น้ำยา หรือเป็นเรื่องเดิมๆ ก็ขอให้อดทน ตั้งหน้าตั้งตาเก็บข้อมูลต่อไป สำหรับตนก็ยืนยันที่จะต้องเป็นผู้อภิปรายเพราะเป็นหัวหน้าพรรค จะมีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนใครที่ไม่อยากอภิปรายก็ไม่ต้องอภิปราย แต่ตนเป็นหัวหน้าในการยื่นญัตติดังกล่าวก็ต้องทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่มีการอ้างผลกรุงเทพโพลล์ ว่า ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเวลานี้ถึง 52% และเห็นด้วยกับการอภิปราย 47% ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะในสมัยที่เราเป็นรัฐบาล กรุงเทพโพลล์ก็ไม่เคยสำรวจอะไรให้ตนผ่านอยู่แล้ว และตัวเลขที่สนับสนุนการอภิปรายถึง 47% ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน ส.ส.จึงไม่ต้องวิตกกังวลว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะมันอยู่ที่ประเด็นข้อเท็จจริง และหลักฐานในเรื่องที่จะอภิปราย
ขณะที่ คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรค กล่าวเสริมว่า รัฐบาลก็ต้องอ้างสื่อที่เป็นประโยชน์กับเขา แต่ที่ตนฟัง เอฟเอ็ม 96.5 เมกะเฮิรตซ์ ก็ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่า 60% เห็นด้วยที่จะให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในครั้งนี้