“วิปรัฐบาล” เชื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอกหลังเสร็จศึกอภิปรายงบประมาณ ยันใน 2-3 สัปดาห์นี้จะยังไม่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ส่วนการแก้ไข รธน.จะประชุมพรรคร่วมพรุ่งนี้ กังขาคำวินิจฉัยกลางศาล รธน.ให้ทำประชามติ
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาลของฝ่ายค้านว่า เรื่องนี้ยังจะใช้เวลาอีกสักระยะในการบรรจุระเบียบวาระเข้าที่ประชุม ซึ่งในการประชุมสภาสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาเรื่องงบประมาณ ที่ขณะนี้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการแล้ว โดยจะเสนอต่อสภาและเริ่มพิจารณาวาระ 2-3 ในสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านนั้นจะต้องดูว่าฝ่ายค้านจะยื่นเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าน่าจะยื่นเมื่อพิจารณางบประมาณเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้วางกรอบการอภิปรายงบประมาณไว้อย่างไร นายอุดมเดชกล่าวว่า ได้พูดคุยให้วิปรัฐบาลทราบถึงความคืบหน้าในส่วนของกรรมาธิการ ว่าวันนี้เป็นการสรุปรับรองรายงานของกรรมาธิการที่จะมีการประชุมในช่วงบ่าย ซึ่งก็จะมีการเสนอสภาต่อไป
ส่วนการพิจารณางบประมาณมีการวางกรอบการพิจารณาไว้กี่วัน นายอุดมเดชกล่าวว่า เรื่องการพิจารณางบประมาณ ได้ถามฝ่ายเลขาธิการสภาแล้ว ซึ่งทราบมาว่าในวาระ 2-3 ใน 4 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2551-2554 ก็มีการถ่ายทอดออกอากาศ ก็ถามไปว่าใช้เวลาการพิจารณานานเท่าไหร่ ซึ่งที่ผ่านมาใช้เวลา 40 ชั่วโมง มีปีที่แล้วใช้เวลา 44 ชั่วโมง ซึ่งจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปหารือกับตัวแทนวิปฝ่ายค้านเพื่อที่จะกำหนดกรอบเวลา และเมื่อได้เวลาแล้วก็จะนำมาดูว่าจะเวลากี่วันในการพิจารณา
เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ ที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนโยบายของรัฐบาล นายอุดมเดชกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของฝ่ายค้านอย่าไปตื่นเต้น แต่ก็มีข้อดีที่ฝ่ายค้านบอกมาว่ามีอยู่ประมาณ 5 ประเด็นที่ติดใจสงสัย เช่นเรื่องราคาพืชผลการเกษตร ก็ทำให้ตัวคณะรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีโอกาสไปดูรายละเอียดแล้วเตรียมที่จะมาตอบ
นายอุดมเดชกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้จะไม่มีการพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. .. เพราะจากสถิติการทำงานของสภาในแต่ละวัน หากเริ่มประชุมสภาตอน 13.00 น.จะมีการหารือและเข้าสู่วาระประมาณ 14.00 น. แล้วหากพิจารณาในส่วนของกฎหมายที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างเก่งก็ไม่เกิน 3 ฉบับ ฉะนั้น เมื่อมีการเลื่อนพิจารณากฎหมายอื่นขึ้นมาแล้ว คิดว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 1 เดือน ดังนั้น สิ่งที่สังคมกังวลว่าจะมีการหยิบยกเรื่องปรองดองมาพิจารณาก่อนคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้ชี้แจงให้ทางวิปให้เข้าใจตรงกันเพื่อที่จะนำไปชี้แจงให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับทราบ และชี้แจงต่อประชาชนว่าอย่าไปเชื่อในสิ่งที่อาจมีคนไปพูด ให้เกิดกระแสของความขัดแย้งกัน
ถามต่อว่า อีก 1 เดือนข้างก็ไม่แน่ใช่หรือไม่ นายอุดมเดชกล่าวว่า หากการทำงานของสภาคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เรื่องร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ก็จะเขยิบขึ้นมา แต่หากเราเห็นว่าบรรยากาศการพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ไม่เหมาะสมก็จะหาร่างกฎหมายอื่นมาพิจารณาก่อนได้
นายอุดมเดชยังกล่าวถึงการแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะมีการประชุมคณะทำงานที่เป็นตัวแทนของพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น.ที่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นการประชุมนัดแรก โดยในการประชุมแต่ละครั้งจะมีการประชุมเวียนกันไปในแต่ละพรรคของพรรคร่วม เพื่อไม่ให้พรรคใดพรรคหนึ่งเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ ในการประชุมพรุ่งนี้จะมีความชัดเจนในประเด็นต่างๆ และมีกรอบมากขึ้น ซึ่งคณะทำงานชุดนี้จะพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้งคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตน โดยเราจะไปดูว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความคิดอย่างไร จะได้วิเคราะห์ว่าควรจะเดินต่อไปอย่างไร เช่น ในจำนวน 4 คนที่มีความเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรที่จะรับพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 แต่อีก 4 คนเห็นสมควรว่ารับได้นั้นหมายความว่า ตุลาการมีความเห็น 4 ต่อ 4 เท่ากัน แต่คำวินิจฉัยกลางกลับออกมาว่าให้ไปทำประชามติก่อน ซึ่งเป็นความคลางแคลงใจอยู่ เราก็ย้อนไปดูว่าใครมีความเห็นอย่างไรในคำวินิจฉัยส่วนตน บางอาจคนให้ความเห็นไว้บางเรื่อง คณะทำงานชุดนี้ก็สามารถที่จะเอาประเด็นต่างๆ มาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป