รองโฆษกทัพบก ยันกองทัพมีนโยบายแก้ไฟใต้ชัด เน้นพัฒนาเป็นหลัก โต้สื่อเขียนล้มเหลว ยันดีขึ้นตามลำดับ สวนอย่าเอาแค่เหตุรายครั้งมาตัดสิน แนะระวังนำเสนอภาพหวั่นกระทบหลายส่วน เผย ผบ.ทบ.สั่งพิเศษ ผบ.หน่วยตลอด รับสืบข่าวยาก ชม กสม.ร่วมประณาม เชื่อ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ไม่กระทบงาน
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 14.30 น.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายหลังมีผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 4นาย บาดเจ็บ 2 นายว่า เนื่องจากขณะนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ และอยู่ในความสนใจของประชาชน จนส่งผลกระทบต่อความรู้สึก ทางกองทัพบก ยืนยันว่า การแก้ไขปัญหา มีกรอบยุทธศาสตร์และนโยบายที่ชัดเจน ในส่วนของทหารที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนั้น ขณะนี้เรากำลังปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยต้องการสร้างสภาพสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดภัยเพื่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุยังต้องใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นหลัก ถือเป็นช่องทางที่สำคัญที่สามารถสนองตอบการแก้ปัญหาในภาพรวมได้เป็นอย่างดี เช่น การเสริมสร้างความเข้าใจ การสร้างอาชีพ การศึกษา การดำเนินการต่างๆให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้กับทุกฝ่ายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ขจัดภัยแทรกซ้อนเรื่องยาเสพติด อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังขับเคลื่อนแผนงานและโครงการต่างๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและช่วยเสริมประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาในภาพรวมได้เป็นอย่างดี
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า การที่มีสื่อบางฉบับเสนอเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ว่า ล้มเหลวนั้น ขอเรียนว่า ปัจจุบันเรามีสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นมาตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางสถิติการก่อเหตุที่ลดลง หรือการได้รับความร่วมมือจากผู้นำศาสนาและประชาชนในพื้นที่จนสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวนมาก ดังนั้น ไม่ควรใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งมาเป็นเครื่องตัดสินเพียงอย่างเดียว ว่า การแก้ปัญหานั้นสำเร็จหรือล้มเหลว ทั้งนี้ อยากขอวิงวอนสื่อมวลชนให้ระมัดระวังในการนำเสนอข่าวหรือภาพข่าว ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเจตนาจะแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน หรือกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของกองทัพ เพียงแต่การนำเสนอข่างโดยเผยแพร่ซ้ำไปซ้ำมา เราคำนึงผลกระทบในหลายส่วนด้วยกัน สำหรับภาพลักษณ์ของกองทัพบกเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ไม่ด้อยไปกว่าความรู้สึกของประชาชนที่สูญเสียและญาติพี่น้องที่มีบุตรหลายปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่
“ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับและสั่งการพิเศษให้ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงในพื้นที่ ในการเอาตัวรอดเนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น วิธีการแก้ไขปัญหาก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานได้สมบูรณ์ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ การปฏิบัติการจู่โจมของฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้โครงข่ายที่เป็นระบบ การสั่งการดำเนินการในลักษณะทั่วไป โดยมีกลายกลุ่มที่มีความขัดแย้งกัน ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากในการสืบหางานด้านการข่าวของกลุ่มผู้ก่อเหตุ เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุได้เปลี่ยนเวลาปฎิบัติงานตลอด ทั้งนี้ เห็นว่า การที่กลุ่มสิทธิมนุษยชน ออกมาประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นสัญญาณที่ดี และเปลี่ยนแปลงจากในอดีต” พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย ส่วนกรณีที่รัฐบาลตั้งศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขปัญหาภาคใต้ โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อกำกับดูแลศูนย์ดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นการซ้ำซ้อนกับงานที่กองทัพทำอยู่ เพราะรัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว แม้ที่ผ่านมา จะมีการก่อเหตุ แต่เรายืนยันว่า ผู้ก่อเหตุจะทำได้ยากขึ้นแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมา ทางผู้ก่อเหตุพยายามก่อเหตุหลายครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ได้ เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวเท่านั้น สำหรับการปรับยุทธวิธีภายหลังจากที่เกิดเหตุขึ้น ขณะนี้ทางผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ให้มีความระมัดระวัง และปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ให้เกิดความปลอดภัยที่สุด
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 14.30 น.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายหลังมีผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 4นาย บาดเจ็บ 2 นายว่า เนื่องจากขณะนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ และอยู่ในความสนใจของประชาชน จนส่งผลกระทบต่อความรู้สึก ทางกองทัพบก ยืนยันว่า การแก้ไขปัญหา มีกรอบยุทธศาสตร์และนโยบายที่ชัดเจน ในส่วนของทหารที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนั้น ขณะนี้เรากำลังปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยต้องการสร้างสภาพสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดภัยเพื่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุยังต้องใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นหลัก ถือเป็นช่องทางที่สำคัญที่สามารถสนองตอบการแก้ปัญหาในภาพรวมได้เป็นอย่างดี เช่น การเสริมสร้างความเข้าใจ การสร้างอาชีพ การศึกษา การดำเนินการต่างๆให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้กับทุกฝ่ายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ขจัดภัยแทรกซ้อนเรื่องยาเสพติด อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังขับเคลื่อนแผนงานและโครงการต่างๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและช่วยเสริมประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาในภาพรวมได้เป็นอย่างดี
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า การที่มีสื่อบางฉบับเสนอเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ว่า ล้มเหลวนั้น ขอเรียนว่า ปัจจุบันเรามีสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นมาตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางสถิติการก่อเหตุที่ลดลง หรือการได้รับความร่วมมือจากผู้นำศาสนาและประชาชนในพื้นที่จนสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวนมาก ดังนั้น ไม่ควรใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งมาเป็นเครื่องตัดสินเพียงอย่างเดียว ว่า การแก้ปัญหานั้นสำเร็จหรือล้มเหลว ทั้งนี้ อยากขอวิงวอนสื่อมวลชนให้ระมัดระวังในการนำเสนอข่าวหรือภาพข่าว ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเจตนาจะแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน หรือกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของกองทัพ เพียงแต่การนำเสนอข่างโดยเผยแพร่ซ้ำไปซ้ำมา เราคำนึงผลกระทบในหลายส่วนด้วยกัน สำหรับภาพลักษณ์ของกองทัพบกเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ไม่ด้อยไปกว่าความรู้สึกของประชาชนที่สูญเสียและญาติพี่น้องที่มีบุตรหลายปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่
“ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับและสั่งการพิเศษให้ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงในพื้นที่ ในการเอาตัวรอดเนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น วิธีการแก้ไขปัญหาก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานได้สมบูรณ์ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ การปฏิบัติการจู่โจมของฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้โครงข่ายที่เป็นระบบ การสั่งการดำเนินการในลักษณะทั่วไป โดยมีกลายกลุ่มที่มีความขัดแย้งกัน ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากในการสืบหางานด้านการข่าวของกลุ่มผู้ก่อเหตุ เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุได้เปลี่ยนเวลาปฎิบัติงานตลอด ทั้งนี้ เห็นว่า การที่กลุ่มสิทธิมนุษยชน ออกมาประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นสัญญาณที่ดี และเปลี่ยนแปลงจากในอดีต” พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย ส่วนกรณีที่รัฐบาลตั้งศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขปัญหาภาคใต้ โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อกำกับดูแลศูนย์ดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นการซ้ำซ้อนกับงานที่กองทัพทำอยู่ เพราะรัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว แม้ที่ผ่านมา จะมีการก่อเหตุ แต่เรายืนยันว่า ผู้ก่อเหตุจะทำได้ยากขึ้นแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมา ทางผู้ก่อเหตุพยายามก่อเหตุหลายครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ได้ เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวเท่านั้น สำหรับการปรับยุทธวิธีภายหลังจากที่เกิดเหตุขึ้น ขณะนี้ทางผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ให้มีความระมัดระวัง และปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ให้เกิดความปลอดภัยที่สุด