xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เย้ย “กมล” ข้อมูลหนีทหารเรื่องเก่าเล่าใหม่ ชี้หวังผลการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ภาพจากแฟ้ม)
“อภิสิทธิ์” เมินคำท้าพิสูจน์หลักฐานหนีทหาร อ้างเรื่องอยู่ในขั้นตอนศาล และทุกอย่างได้ชี้แจงจนเคลียร์แล้ว เฉ่งรัฐบาลมีอำนาจพิสูจน์ความจริงแต่ไม่ทำ เพราะต้องการผลทางการเมือง เย้ยข้อมูล “กมล” แค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ ชี้ “นช.ทักษิณ” ทำแผนดับไฟใต้สะดุด พร้อม จี้ “ปู” แสดงบทบาทตามกฎหมาย ผนึกกำลังทุกฝ่ายปรับนโยบายให้ถูกทิศทาง


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อกรณีที่มีการท้าให้เอาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าไม่ได้มีการหนีเกณฑ์ทหาร โดยระบุว่าทุกอย่างเป็นคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว ตนจะพูดอะไรต้องระมัดระวังที่จะไม่เข้าไปก้าวล่วงอำนาจศาล เพราะตนเป็นคู่ความและพยานต่างๆ ก็มีโอกาสไปให้ความต่อศาลแล้ว การแสดงความเห็นเรื่องนี้อาจจะมีการละเมิดศาลได้ แต่ยืนยันว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นไปตามการแถลงข่าวของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา ทุกอย่างไม่ต้องมาท้าทายอะไรเพราะเอกสารทุกอย่างยื่นต่อศาลไปหมดแล้ว และเป็นเอกสารทางราชการด้วย

“ฝ่ายผู้กล่าวหาก็อยู่ในฐานะรัฐบาลมีอำนาจตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ก็เลี่ยงที่จะไม่ตรวจสอบ และเอกสารที่อีกฝ่ายเอามาอ้างก็ไม่รู้เอามาจากไหน ส่วนบทบาทของกระทรวงกลาโหมผมไม่ขอวิจารณ์เพราะอ้างว่ามีการยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินไปแล้วผมก็จะไม่ไปก้าวล่วง แต่ก็ตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่าเรื่องทั้งหมดมาเกิดในช่วงที่มีการสืบพยานในคดีนี้ แม้กระทั่งการเริ่มต้นเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ก็หลังจากมีการประทับรับฟ้องคดีนี้”

นายอภิสิทธิ์เชื่อว่าการออกมาพูดในเรื่องนี้คงเป็นความตั้งใจหวังผลทางการเมือง ซึ่งเป็นปกติของฝ่ายตรงข้ามที่จะทำได้ แต่ตนยืนยันว่าข้อเท็จจริงทุกอย่างมีการชี้แจงไปหมดแล้วหลายรอบ และก็ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องทางศาลไปแล้ว ส่วนจะมีการฟ้องร้องบุคคลอื่นเพิ่มเติมหรือไม่นั้นกำลังรวบรวมข้อมูลและพิจารณาอยู่ เพราะเห็นใจทนายที่มีงานเยอะอยู่แล้ว การเคลื่อนไหวของนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีข้อมูลออะไรใหม่ จากที่เคยทำเรื่องนี้มายาวนานและมีการชี้แจงไปหมดแล้ว

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นแต่รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการแก้ปัญหาอะไรว่า ตนขอให้รัฐบาลเข้มงวดมาตรการอย่างเป็นรูปธรรม โดยเพราะในพื้นที่ชุมชน ต้องพยายามคุยกับท้องถิ่นและจัดระบบเหมือนกรณีที่ จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่ และปรับปรุงแผนและการเฝ้าระวังในพื้นที่ ส่วนปัญหาพื้นฐานและสาเหตุความขัดแย้งเป็นเรื่องของนโยบายที่รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังกับการปรับเปลี่ยนและดำเนินการให้เหมาะสม แต่ก็เป็นห่วงที่มีความพยายามจะโยนให้เป็นหน้าที่ของทหาร และตำรวจ แม้แต่ ศอ.บต.ที่มีสถานะสูงขึ้นตามกฎหมายใหม่และมีนายกรัฐมนตรีดูแลเรื่องนี้ ซึ่งก็ยังไม่ได้แสดงบทบาทตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเท่าที่คนอยากเห็นบทบาทตรงนี้

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา 1 ปี ของการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สะดุดเพราะมีการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และการเกิดเหตุการณ์รุนแรงในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ดังนั้น ทิศทางที่ถูกต้องคือ ต้องมีความชัดเจนจากฝ่ายนโยบายที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของกฏหมาย โดยต้องยอมรับว่าสภาพปัญหามีหลายมิติที่ซ้อนกันอยู่และรัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่านโยบายหลักที่จะใช้ เช่น การพัฒนา การอำนวยความยุติธรรมจะเดินอย่างไร และการดูแลให้เจ้าหน้าที่ทุกสังกัดที่ต้องยึดถือเป็นแนวนโยบายหลัก เพราะตนได้รับการเรื่องร้องเรียนถึงสภาพปัญหาความไม่พอใจและความขัดแย้งในระดับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนจากฝ่ายนโยบาย จึงจำเป็นที่ต้องมีการพูดกับระดับผู้บังคับบัญชาทุกฝ่ายว่าอย่าไปดำเนินการอะไรที่เป็นการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น