xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.สส.ยันแค่ปรับกำลังคุมเขาพระวิหาร ถอนทหารต้องเข้าสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร (แฟ้มภาพ)
“ธนะศักดิ์” ผบ.สส.ยันยังไม่ได้ถอนกำลังจากเขาพระวิหาร ตามคำสั่งศาลโลก แค่ปรับกำลังใช้ ตชด.เพื่อลดภาระและความกดดันให้อยู่กับชาวโลกได้ เชื่อแนวทางวิน-วิน ยึดกลไกเจดับบลิวจี เก็บกู้ระเบิดก่อนถอนทหาร และต้องนำเข้าสภาฯ เพื่อความรอบคอบ ย้ำไทยไม่เสียดินแดน ส่วนเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด ทีจี 200 ใช้งานได้ ไม่ได้ซื้อตามกระแส

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นประธานในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.อ.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก (ปธ.ปคษทบ.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าร่วมประชุม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับกัมพูชา หลังปรับกำลังทหารในพื้นที่เขาพระวิหารว่า ขณะนี้ถือว่าดี ชายแดนไม่มีปัญหาระหองระแหงมา 2 ปีแล้ว ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี เพื่อหารือเรื่องการปรับกำลังตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ซึ่ง 2 ประเทศได้เห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องมีคณะทำงานในการปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครอง หรือ เจดับบลิวจี โดยมีการประชุมมาแล้ว 2 ครั้ง โดยวันที่ 26 ก.ค.นี้ ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของกัมพูชาจะมาพูดคุยกับไทย เพื่อที่จะเก็บกู้วัตถุระเบิดพื้นที่เขตปลอดทหารหรือ PDZ ตามที่ศาลโลกกำหนดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

“ขณะนี้ครบ 1 ปี ที่ศาลโลกออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้มีการปรับกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่กำหนด ไทยในฐานะที่อยู่ร่วมกับชาวโลก เราก็ต้องทำให้เห็น เราควรอยู่ตรงกลาง ลบซ้ายไปหน่อยก็จะไปขัดใจกันภายในประเทศ บวกขวาไปหน่อยก็จะไปขัดใจศาลโลก ซึ่งคณะที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศ เสนอว่า ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย จะทำให้เห็นว่าเราไม่ให้ความร่วมมือ และทำให้การพิจารณาคดีที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม 2556 อาจเบี่ยงเบนไป ซึ่งผมก็เข้าใจและก็ต้องทำตามหน้าที่ในภาพใหญ่ เมื่อเห็นว่าครบ 1 ปีและสถานการณ์ก็เหมาะสมแล้ว อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องมีราวกัน ก็ถือว่า เป็นการลดภาระของแต่ละฝ่าย ต่างคนก็ต่างทำ ไม่ใช่ว่าต้องทำเหมือนกัน อธิปไตยยังเหมือนเดิม ผมยังเข้าออกได้เต็มที่ และผมขอยืนยันอย่างเดียวว่าหน้าที่ผมคือการรักษาอธิปไตย ก็ถือว่าวิน-วิน กันทั้งคู่”

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนข้อคิดเห็นที่เราให้ไปยังกัมพูชา คือตำรวจฝั่งไทยเป็นผู้ที่มีวินัย ฝั่งกัมพูชาก็ต้องเป็นตำรวจที่มีวินัย เพราะต้องเปลี่ยนหน้าใหม่บ้าง อาจจะเกิดความเข้าใจผิดบางอย่าง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเราสามารถยกหูโทรศัพท์คุยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราปฏิบัติตามศาลโลก หรือไอซีเจ เป็นเพราะว่าสองประเทศยังยึดถือเจดับบลิวจีเป็นหลัก จากการที่ตนเดินทางไปอินโดนีเซีย ไปเล่าให้เขาฟังว่า 2 ปีแล้ว เราไม่ได้มีปัญหากับกัมพูชา ซึ่งอินโดนีเซียก็ยินดีที่ไทยกับกัมพูชาคุยกันได้ จึงไม่มีประเด็นอะไรที่อินโดนีเซียต้องเข้ามา

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างทีโออาร์ ในการให้ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้ามานั้น ทางอินโดนีเซียได้ส่งให้กัมพูชาดูแล้วและส่งมาให้ไทยดู ซึ่งตนได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า หากเสนอทีโออาร์มาก็ต้องอยู่ในกฎกติกาทั้งสองฝ่าย ในส่วนของไทยได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศไปแล้ว ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอนและกรรมวิธีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทางอินโดนีเซียเห็นว่าทั้งสองประเทศคุยกันได้เขาก็ไม่มา และจุดยืนสองประเทศก็เป็นเช่นนั้น แต่เราต้องฟังทั้งจากกองทัพ ต่างประเทศ และมหาดไทยด้วย เพราะเกี่ยวข้องกัน 3 ฝ่าย เช่น ถ้ามีเรื่องศาลโลกเข้ามาก็ต้องผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ และก็ต้องเอามาเข้า สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พูดคุยกัน จากนั้นก็จะเรียกประชุม 3 ฝ่าย ทหารต้องทำตามนโยบาย ถ้าเป็นเรื่องนอกประเทศต้องฟังกระทรวงการต่างประเทศ แต่เราก็มีทูตทหารในการพูดกันได้ ซึ่งถือในอาเซียนทหารไทยใหญ่ และเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เช่น พม่า เขามีบทบาทที่น่าเชื่อถือแต่ก็ไม่ได้นำรัฐบาล

“ขอเรียนอีกทีว่า เจดับบลิวจีเป็นปากที่ต้องไปพูดและเป็นเครื่องมือของจีบีซี หากจะต้องปรับกำลังทหารถอยออกมา และมาเปลี่ยนเป็นตำรวจ ต้องอยู่ภายใต้ความเท่าเทียมกัน และยุติธรรม ภายใต้กรอบกฎหมาย และเมื่อจีบีซีพิจารณาเสร็จแล้วก็จะส่งรัฐบาล และอาจจะเสนอ สมช.เพื่อกลั่นกรองก่อนเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี และเข้ารัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญต่อไป ดังนั้น อะไรที่จะกระทบเรายืนยันว่าต้องเข้ารัฐสภาก่อน เพราะข้อบังคับในมาตรา 190 มีอยู่ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม อธิปไตย บางฝ่ายก็บอกว่าเข้าข่ายบ้าง ไม่เข้าข่ายบ้าง แต่เราก็ยืนยันว่าก็ต้องนำเข้า ณ ปัจจุบันนี้เรายังมีอธิปไตยของทั้งสองประเทศเหมือนกัน” ผบ.สส.กล่าว

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือถ้าสองประเทศไม่รักกัน ผลประโยชน์ที่อยู่ตรงกลางจะบินไปที่อื่น เพราะฉะนั้นต้องร่วมมือกัน และ วิน-วิน เมื่อกัมพูชายินดีจะถอน เราก็ยินดีที่จะถอน ส่วนกรณีที่กัมพูชาฟ้องศาลโลกว่าเราไม่ปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองนั้น ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่ เป็นเพราะเรายึดถือในจุดนี้เป็นหลัก ซึ่งได้ถามกัมพูชาไป และได้รับการยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะใช้เจดับบลิวจีเป็นเครื่องมือ เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่มีเครื่องมือพูดกันก็พูดกันไม่ได้ เราจึงยืนยันที่จะใช้จีบีซีเป็นหลักในการแสดงให้โลกเห็นว่าเราพร้อมจะร่วมมือกับชาวโลก และอยู่ร่วมกับชาวโลก แสดงให้คนไทยเห็นว่าเรารักษาอธิปไตย และผลประโยชน์ของเรา เป็นไปด้วยเหตุผล

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปฏิบัติตามมติเจดับบลิวจีในเรื่องเก็บกู้วัตถุระเบิดก่อนมีการถอนทหารใช่หรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การปรับกำลังทหารตามศาลโลก หรือ ไอซีเจ ขณะนี้ยังไม่ได้ทำ แต่ขณะนี้ถือว่าเป็นการลดความกดดัน ในเมื่อไม่มีขโมยกับผู้ร้ายแล้วจะเอาคนไปยืนทำไมให้เกะกะ ซึ่งเรายืนยันว่าจะอยู่ตรงกลาง และอธิปไตยของเรายังเหมือนเดิม

ส่วนปัญหาที่กัมพูชาละเมิดเอ็มโอยู 43 เข้าไปตั้งชุมชนในพื้นที่พิพาทนั้น ก็ต้องค่อยๆ ว่ากันไป เพราะมีข้อตกลงกันว่าอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาระหองระแหงก็จะหยุด เราก็ต้องวางปัญหาไว้ชั่วคราว และก้าวไปข้างหน้าเพื่อสร้างผลประโยชน์และความมั่นคงเข้าสู่ประเทศ

สำหรับที่เกรงว่ากัมพูชาจะนำเอาไปอ้างสิทธิต่อศาลโลกในการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวนั้น เรามีลวดหนามกั้นอยู่ ทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามกฎ กติกา เราก็ให้ข้อมูลไปทั้งหมด กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาในสนธิสัญญา เราก็มีเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความคิดเห็น ทุกประเทศมีรั้วที่ติดกันก็มีปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น แต่ถ้าทำตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ร่วมกัน ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ก็จะได้สิ่งดีๆ กลับมาได้

“เรายังไม่เสียดินแดน ผมพูดอย่างไรก็เสนอขึ้นไปอย่างนั้น เมื่อเกินขั้นไปก็ต้องเป็นผู้มีอำนาจเหนือขึ้นไป ถึงเข้าระดับสภา ซึ่งนายกฯ ท่านก็เข้าใจตามนี้ รัฐมนตรีทุกท่านก็เข้าใจตามนี้ เป็นเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้งุบงิบ อธิปไตยก็คืออธิปไตย และผมก็มั่นใจในการทำงานของ ตชด. เพราะทำงานร่วมกับทหารมานาน ตำรวจถือเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าทัพ รวมเป็นสี่เหล่าทัพ”

พล.อ.ธนะศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า ในสมัยที่ตนมีตำแหน่งที่ต่ำกว่านี้ก็เห็นว่าเครื่องดังกล่าวเมื่อนำไปใช้งานแล้วสามารถใช้งานได้จริง ชี้ 100 ครั้งก็สามารถจับได้ 100 ครั้ง แม้แต่ใช้เครื่องบินเจ็ต แรงเยอร์ บินในระยะที่เหมาะสมก็ยังสามารถหาวัตถุระเบิดได้ การที่ตนพูดไม่ได้บอกว่าใช้ได้หรือไม่ได้ แต่เครื่องจีที 200 เป็นเครื่องมือในการทำงาน การจัดซื้อไม่ใช่ว่าเป็นการนั่งเทียนว่าประเทศไทยใช้ประเทศเดียว เพราะระบบนโยบายการจัดซื้อนั้นคำถามแรกของผู้บัญชาการ หรือของใครก็แล้วแต่จะต้องถามว่ามีประเทศไหนใช้บ้าง ซึ่งส่วนมากเขาก็จะให้เรามาทดลองใช้ เมื่อเหมาะสมเราถึงจัดซื้อมาใช้ เราไม่ได้ซื้อตามกระแส หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าวทำให้ผู้ใช้งานเกิดความไม่มั่นใจแม้ว่าจะเป็นเครื่องมือจริงก็บอกว่าไม่ดี ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ

ส่วนขั้นตอนจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกฎกติกา ใครจะดำเนินคดีอย่างไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าเราจัดซื้อประเทศเดียวก็ต้องว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวกันมากแบบนี้

“จากประสบการณ์ตัวเอง ผมเคยเห็นว่าเครื่องจีที 200 สามารถใช้งานได้ และสามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้จริงๆ แต่ทั้งนี้การตรวจหาวัตถุระเบิดมี 4-5 ขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะใช้เครื่องจีที 200 เพียงเครื่องเดียวแล้วจะจับวัตถุระเบิดได้ทั้งหมด และกองทัพใช้ทุกเครื่องมือที่มีอยู่ดำเนินการ”
กำลังโหลดความคิดเห็น