รอง ปธ.กมธ.ตำรวจ สภาฯ เผยเชิญ ผบช.น.แจงบ่อน แต่กลับส่งรองฯ มา บอกแค่ว่าไม่รู้ เปิดคลิป “เฉลิม” เคยพูดชัดจะปราบบ่อนกิ่งเพชร แต่พอ “เพรียวพันธ์” นั่ง ผบ.ตร.กลับเปลี่ยนคำ ชี้สุดสองมาตรฐาน ลั่นไม่จบง่ายๆ ปัดหวังส่วย ท้าฟันถ้าพบมีหุ้นอาบอบนวด ฝาก “อดุลย์” ปราบจริงจัง อย่าตามก้นพวกเปิดตู้ม้า ยันไม่กลัวคำขู่ เล็งไปบริจาคร่างกายวันเกิด ชี้ถ้าเป็นอะไรไป ตร.ต้องรับผิดชอบ แย้ม “แม้ว” ให้ “พี่เมีย” นั่งคุมแทน
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวภายหลังการประชุม กมธ.ตำรวจ ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องการปราบปรามบ่อนการพนัน ซึ่งได้เชิญ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.มาชี้แจง แต่ได้ส่ง พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบช.น.มาชี้แจง และให้การปฏิเสธว่าไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับบ่อนการพนันในกรุงเทพฯ พร้อมกับนำเอกสารการจับกุมบ่อนในรอบปีที่ผ่านมามาแสดง ซึ่งมีรายละเอียดเพียงแค่ 1 แผ่น มีผู้ต้องหาตลอดทั้งปีแค่ 80 คน ในขณะที่ตนบอกตำรวจให้ไปจับบ่อนกิ่งเพชรแค่แห่งเดียวก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้มากกว่าที่ตำรวจจับมาทั้งปี
นายชูวิทย์ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทการทำหน้าที่ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าในสมัยที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมมีท่าทีแข็งกร้าวต่อการปราบปรามบ่อนพนัน โดยมีการเปิดคลิปยืนยันการให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิมตอนหนึ่งว่า “จะจัดการบ่อนการพนันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งชี้เบาะแสว่ามีตั้งอยู่ในสถานที่ใดบ้าง รวมถึงย่านกิ่งเพชรด้วย” ขณะที่ในสมัยของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. กลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป โดยบอกว่า “การจับบ่อนนั้นจะต้องขอหมายค้น และมีหลักฐานที่ชัดเจนคงจะสามารถจับกุมได้” ซึ่งขัดต่อคำสั่ง สตช. 234/2548 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่พบว่าหากพบว่าเป็นความผิดเฉพาะหน้า ที่เกรงว่าจะมีการเคลื่อนย้ายบ่อนก็สามารถเข้าจับกุมได้โดยไม่ต้องมีหมายจับและหมายค้น ซึ่งการกระทำของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นสองมาตรฐานอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นวิสัยของนักการเมืองที่ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
“เรื่องนี้ยืนยันว่าไม่จบง่ายๆ และอย่ามาบอกว่าผมต้องการตีเมืองขึ้นแล้วมีการรวบรวมเงินจากเจ้าของบ่อนมาให้ผมแต่ผมไม่เอา ถึงขนาดลงไปให้ลูกน้องไปอาบอบนวดไปสืบว่านายชูวิทย์ มีหุ้นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าผมมีหุ้นที่ไหนก็ขอให้จัดการเลย และขอฝากถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ให้ปราบบ่อนอย่างจริงจังอย่าไปเดินตามก้นนักการเมืองที่ชอบเล่นการพนัน หรือไปอยู่ใกล้กับนักการเมืองผู้มีอิทธิพล ซึ่งจะไปเปิดตู้ม้าที่ จ.ขอนแก่น และ จ.ร้อยเอ็ด และสิ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่ดำเนินการจับกุมบ่อนเพราะตรงนี้เป็นฐานรายได้ชัดเจนที่นำมาจุนเจือ โดยเฉพาะตำรวจสายปราบปรามเท่านั้น ขณะที่สายจราจร สายธุรการเท่านั้น” นายชูวิทย์กล่าว
นายชูวิทย์กล่าวว่า สำหรับคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่บอกว่าไม่กล้านั่งรถไปไหนกับตนนั้นถือเป็นคำขู่ อย่ามาขู่ตนไม่กลัว เพราะเดือน ส.ค.เป็นวันเกิด ตนจะไปบริจาคร่างกายที่ รพ.ศิริราช จึงไม่กลัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ถ้าตนเป็นอะไรไปก็มาจากเรื่องบ่อนเรื่องเดียว และพวกท่านต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำหน้าที่สองมาตรฐานชัดเจนเช่นนี้จะเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิมลาออกหรือไม่ นานยชูวิทย์กล่าวว่า “ไม่ต้องลาออก เพราะคนดูไบเตรียมให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่จะเกษียณอายุ ผบ.ตร.มาทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีดูแล สตช.อยู่แล้ว ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมก็ยังให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ให้ไปงานแต่งงาน ตัดริบบิ้น และทำหน้าที่ตอบโต้ในสภาเท่านั้น”