“ชูวิทย์” เศร้า “เป็ดเหลิม” คุยโวว่าเชี่ยว กม.แต่ไร้จิตวิญญาณปกป้อง ปชช.ที่พยายามทำตาม กม. เหน็บบ่อนพนันเพียบอ้างต้องมีหมายค้น แต่ไม่เคยขอหมาย หรือแค้นอยู่บ่อนเดียวคือบ่อนเตาปูน สะกิดลืม “ตี๋พจน์” ย่านพระราม 3 แล้วหรือถึงบอกคนใน รบ.ไม่ใฝ่ต่ำยุ่งเกี่ยวบ่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 ก.ค. เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ขอความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 ดังนี้..
“สารวัตรเฉลิมออกมาเตือนผมว่า “กลัวผมจะตกอยู่ในอันตราย” และไม่กล้านั่งรถคันเดียวกับผม เพราะกลัวโดนไปด้วย ท่านเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่กลับพูดได้เพียงเท่านี้ ท่านไม่ต้องมาห่วงความปลอดภัยของผม
ท่านมักจะพูดอยู่เสมอว่า ท่านจบดอกเตอร์ จบกฎหมาย แต่น่าเศร้าใจ ตั้งแต่ท่านเป็นตำรวจมา ท่านมีวิสัยทัศน์ที่คับแคบ และการจบกฏหมายระดับด๊อกเตอร์ไม่ได้ช่วยให้ท่านได้มีความเข้าใจแม้แต่น้อยว่าการปกป้องประชาชนที่พยายามปฏิบัติตามกฎหมายนั้น ต้องทำอย่างไร
ท่านมักพูดว่าท่านมีความรู้เรื่องกฎหมาย แต่ในความเป็นจริง ความรู้เรื่องกฎหมายของท่านนั้นมีไว้เพียงเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ในพรรคของตนเอง กฎหมายของท่านไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
ท่านบอกว่าการจะบุกเข้าไปจับบ่อนการพนัน ต้องมีหมายค้น ต้องเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า แต่ผมก็ไม่ยักจะเคยเห็นท่านขอหมายค้นหรือดำเนินการใดๆ แม้แต่ครั้งเดียว บ่อนเดียวที่ท่านย้ำนักย้ำหนาคือ บ่อนเตาปูน ราวกับว่าบ่อนเตาปูนรู้ตื้นลึกหนาบางบางอย่างของท่าน ดูเหมือนจะไม่ชอบบ่อนนี้อยู่บ่อนเดียวหรืออย่างไร?
ท่านระบุว่า ไม่มีคนในรัฐบาลใฝ่ต่ำไปยุ่งเกี่ยวกับบ่อนการพนัน ท่านกรุณารู้จักอายฟ้าอายดินบ้าง เพราะครั้งหนึ่งใครกันที่เคยเป็นเจ้าของบ่อนการพนันริมชายแดนไทยมาก่อน และใครที่ให้นายบ่อนคอยเดินตามหลัง หรือท่านลืม “ตี๋พจน์” ที่ทำธุรกิจบางอย่างอยู่ย่านพระราม 3 ไปแล้ว แล้วที่พูดแก้เกี้ยวว่าทุกวันนี้บ่อนการพนันเปิดเล่นกันอย่างขำๆ ท่านก็ลองไปถาม “ตี๋พจน์” หรือในอดีตคนที่เคยเป็นเจ้าของบ่อนใหญ่ว่าเปิดบ่อนการพนันแล้วมีรายรับรายจ่าย ได้เงินมาเดือนละร้อยล้านพันล้าน เป็นเรื่องขำๆ ยังไง ถ้าขำๆ ก็ควรจะไปเล่นในบ้านกับเพื่อนๆ พี่น้องเท่านั้น แต่ถ้าเสียเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน คงไม่ขำแน่ๆ
อย่างที่ผมบอก ท่านไม่จำเป็นจะต้องมาห่วงความปลอดภัยของผม ท่านควรเอาเวลาไปห่วงตำแหน่งของท่านเองดีกว่า เพราะพอถึงช่วงเดือนตุลาคม เมื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เกษียณอายุราชการ เขาจะมาเป็นคู่แข่งของท่าน เก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ท่านนั่งไม่ค่อยจะติดอยู่ตอนนี้ มันกำลังสั่น
ถึงตอนนั้นท่านอาจมีตำแหน่งหน้าที่แค่ตัดริบบิ้นเปิดงาน หรือไปเป็นแขกผู้มีเกียรติในงานแต่งงาน ไม่มีอำนาจบริหารอย่างรองนายกรัฐมนตรีเหมือนทุกวันนี้”