ปชป.เฉ่งรัฐบาลเล็งขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม จับตาเอื้อประโยชน์คนใกล้ชิด

โฆษก ปชป.เฉ่งรัฐบาลเล็งขึ้นราคาก๊าซหุงต้มถังละ 100 บาท จับตาเอื้อประโยชน์คนใกล้ชิดรัฐบาล พร้อมขวางนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 3 หมื่นตัน ชี้สต๊อกยังพอเพียง

วันนี้ (16 ก.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มให้เท่าราคาของก๊าซที่ใช้ในภาคขนส่ง ซึ่งหมายความจะเพิ่มขึ้น กก.ละ 21 บาท หรือขนาดถังปกติ 15 กก. จะเพิ่มขึ้นประมาณ 100 บาท และจะใช้มาตรการอุดหนุนโดยใช้เส้นแบ่งเดียวกับผู้ที่ใช้ไฟฟรีคือ 50 หน่วย ซึ่งลดลงจากสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่คำนวณจากฐาน 90 หน่วย ซึ่งทำให้ประชาชนจากเดิม 8 ล้านครัวเรือนที่ได้รับการประโยชน์ตรงนี้เหลือเพียงแค่ 4 ล้านครัวเรือนเท่านั้น ซึ่งจะกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยจำนวนมาก

นายชวนนท์กล่าวว่า ไม่รู้ว่าการขึ้นราคาก๊าซของรัฐบาลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด ซึ่งมีข่าวลือว่าคนที่เกี่ยวข้องกับแกนนำในรัฐบาลไปลงทุนก๊าซในประเทศเพื่อนบ้าน การขึ้นราคาก๊าซครั้งนี้จะเป็นไปเพื่อให้คุ้มค่าเพียงพอกับการลงทุนที่จะส่งกลับมาขายในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการติดตตามอย่างใกล้ชิด

นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 3 หมื่นตัน ตามที่ครม.เคยอนุมัติไว้แล้ว เนื่องจากระบุว่าจากการตรวจสต็อกเหลือน้ำมันดิบเพียง 1.7 แสนตัน อาจไม่พอต่อการบริโภคในประเทศนั้น ข้อเท็จจริงแล้วเส้นวิกฤตต่ำที่สุดในการสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 1.3 แสนตัน ดังนั้นปริมาณน้ำมันดิบที่มีอยู่จึงถือว่าไม่ขาดแคลน

นอกจากนี้ เหตุผลที่บอกว่านำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพื่อมาชดเชยกับที่ส่งออกนั้น ตามกลไกราคาไม่สามารถเปิดให้ทำเช่นนั้นได้ อีกทั้งเวลานี้ราคาน้ำมันดิบของประเทศไทยอยู่ในระดับสูงที่สุด คือ ราคา กก.ละ 35-36 บาท ขณะที่ มาเลเซีย ราคาอยู่ที่ กก.ละ 31-32 บาท ดังนั้นใครจะมาซื้อจากประเทศไทย การนำเข้าดังกล่าวอาจะมีเจตนาแอบแฝงนำเข้าราคาถูกเพื่อจำหน่ายราคาแพงหรือไม่

นายชวนนท์กล่าวว่า อีกสิ่งที่รัฐบาลควรจะแก้ไข คือ ต้นทุนการผลิตที่สูง จนชาวบ้านต้องนำน้ำมันปาล์มไปผลิตเป็นน้ำมันถุง น้ำมันปี๊บ แทนที่จะผลิตเป็นน้ำมันขวดที่จะราคาสูงถึงขวดละ 48 บาท จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบ กก. 35 บาท หรือมีค่าดำเนินการผลิตสูงถึง 12 บาท ต่อขวด ทั้งที่สมัยประชาธิปัตย์ราคาต้นทุนกับราคาผลิตอยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งทั้งนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ หากทำไม่ดีก็จะถูกเขาไล่ออกจากพรรคทั้งคู่