“สุกำพล” เผยคนไทยถูกพม่าจับกลับมาบ้างแล้ว เหลือยังอยู่ 31 ราย กำลังแยกหาคนผิดคดียาเสพติดอยู่ รับบางคนโดนหลอกไป ต้องทำความเข้าใจชาวบ้านเพิ่ม ยังไม่รู้เสียค่าปรับหรือไม่
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกทหารพม่าควบคุมตัวเนื่องจากเข้าไปบุกรุกพื้นที่ทำการเกษตรว่า ขณะนี้มีคนไทยบางส่วนได้เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ในประเทศพม่าเพียงเล็กน้อย ซึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุว่าขณะนี้เหลือคนไทยที่ถูกควบคุมตัว 31 คน โดยทางพม่ากำลังแยกในกรณีการกระทำความผิดเรื่องยาเสพติด เพราะเป็นพื้นที่เขตของเขา หากเขาบอกว่าคนของเราผิดและมีหลักฐานชัดเจนก็ต้องดูว่าพม่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะตนไม่ทราบเนื่องจากยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งตรงนี้พม่าพยายามคัดแยกคนออกมา ส่วนคนที่เหลือก็ปล่อยกลับมา ทั้งนี้เราต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านด้วย เพราะบางส่วนถูกหลอก และบางส่วนเดินทางไปเอง แต่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตของพม่าชัดเจน อย่างไรก็ตามยังไม่มีการแจ้งมาว่าเราต้องเสียค่าปรับในกรณีดังกล่าวหรือไม่ เพราะยังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 25 ได้รายงานว่า ราษฎรไทยที่ถูกทหารพม่าจับกุมเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา และถูกควบคุมตัวในวันนั้นมีจำนวน 49 คน เป็นชาย 41 คน หญิง 8 คน ได้รับบาดเจ็บ 1 คน (ยังไม่ทราบชื่อ) และสามารถหลบหนีการจับกุมเข้ามาในประเทศไทยได้จำนวน 48 คน เป็นชาย 43 คน หญิง 5 คน มีญาติมาแจ้งรายชื่อสูญหาย 60 คน ซึ่งพื้นที่ที่ราษฎรไทยเข้าไปบุกรุกแผ้วถางป่าในฝั่งประเทศพม่า ได้แก่ พื้นที่หมู่บ้านอินทนินขวาง อ.เขม่าจี จว.เกาะสอง ตรงข้าม บ้านในกรัง ต.จปร. อ.กระบุรี จังหวัดระนอง
นอกจากนี้ ทหารพม่ายังได้ยึดคอมพิวเตอร์, เครื่องจักรกล จำนวน 4 คัน (รถแบ็กโฮ 2 คัน, รถแทรกเตอร์ 2 คัน), รถยนต์กระบะ จำนวน 3 คัน, จักรยานยนต์ 13 คัน และอาวุธสงครามอีก จำนวน 8 กระบอก พร้อมกระสุน จำนวน 200 นัด โดยทหารพม่ายืนยันว่าจะปล่อยคนไทย แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงผู้ที่กระทำผิดเรื่องยาเสพติดและมีอาวุธจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของประเทศพม่า ซึ่งจากการควบคุมตัวนายเกรียงไกร ซื่อตรง (ทราย) และยึดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบข้อมูล เจ้าตัวยอมรับว่าได้เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงราษฎรไทยให้หลงเชื่อว่าพื้นที่ที่เข้าไปบุกรุกเป็นแผ่นดินไทย เพื่อหลอกขายที่ดินในฝั่งพม่า และพบว่ามีการปลูกกัญชาอยู่ในพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ โดยส่งไปขายในพื้นที่ ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง อ.เกาะสมุย, อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จากการตรวจสอบราษฎรไทยจำนวน 49 คนยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ภายในกระท่อม จำนวน 8 หลังที่ราษฎรไทยบุกรุกที่หมู่บ้านอินทนินขวาง อ.เขม่าสจี จ.เกาะสอง ประเทศพม่า