“เด็จพี่” อ้างคำตัดสินศาล รธน.ชี้ชะตาประเทศ ขัดแย้งลดหรือเพิ่มขึ้น

โฆษกเพื่อไทยยืนยันแก้รัฐธรรมนูญตามที่หาเสียงไว้ เรียกร้องประชาชนติดตามคำตัดสินของศาลฯ ชี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศว่าความขัดแย้งจะลดลงหรือเพิ่มขึ้น

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวันที่ 13 ก.ค.ตัดสินคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองขัดมาตรา 68 หรือไม่ว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ที่ได้มีการนำเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ขณะนี้ความคิดเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 มีการนำข้อมูลทั้งฝ่ายเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ได้รับการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อให้ประชาชนได้รับทราบอย่างไม่เคยมีมาก่อน และประชาชนตื่นตัวกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเมื่อปี 40 อย่างมาก

ล่าสุด ประชาชน นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รวมถึงภาคเอกชนได้ส่งกำลังใจมาให้พรรคเพื่อไทยว่าการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ที่พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนตามสัญญาประชาคมในการหาเสียงว่าชนะการเลือกตั้งจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ประชาชนก็ห่วงกังวลว่าพรรคเพื่อไทยอาจมีจุดจบเหมือนพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตนจึงอยากชี้แจงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล ก็เพื่อแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มี ส.ส.ร.ซึ่งมาจากประชาชน ในการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่พรรคหรือรัฐบาลจะดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญเหมือนสมัย คมช. หรือสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แก้ 2 มาตรา

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตนพอสรุปการทำหน้าที่ถึงการรับคำร้องเอาผิดพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลและรัฐบาล ไว้ 4 ข้อ คือ 1. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจสั่งให้รัฐสภายุติการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และการแก้ไข รัฐธรรมนูญ 2. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องตามมาตรา 68 เพราะการรับคำร้องเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมถึงระเบียบข้อปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดระเบียบการร้อง ต้องผ่านอัยการสูงสุด

3. การกระทำของพรรคไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 และ 4. คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย หรือที่ไม่มีกฎหมายรองรับ คงจะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกภาคส่วน ติดตามการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 ก.ค. 2555 ว่าจะออกมาเช่นไร เพราะถือว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย ว่าจะลดความขัดแย้งในบ้านเมืองหรือเพิ่มความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น อยู่ที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และตนอยากเรียกร้องมวลชนทุกฝ่ายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ไม่ควรเดินทางไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะห่วงมือที่ 3 ไปสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความวุ่นวาย