ผบ.ทบ.ชี้เขมรปรับกำลังพระวิหารเป็นสิทธิ เชื่อให้ ตร.คุมแทน โยน กห.นัดถก

“ประยุทธ์” ยังไม่เห็นข่าวเขมรจ่อถอนทหารพ้นพระวิหาร เชื่อให้ตำรวจไปอยู่แทน ชี้ถ้าปรับกำลังก็ทำได้ ปรามสื่ออย่าใช้ว่ากดดัน ระบุคงแค่ประชาสัมพันธ์เพื่อผลทางการตัดสิน โยนกลาโหมรับเรื่อง รอง ผบ.สส.กลับจากพม่าก่อน ยันไทยไม่ลดกำลัง เผยรัฐบาลกับทีมความมั่นคงจะเล่นคนละบทไม่ได้ต้องพูดภาษาเดียวกัน

วันนี้ (10 ก.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวทางรัฐบาลกัมพูชาจะมีแผนถอนทหารออกจากพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตนไม่เคยพูดคำว่าถอนทหาร ส่วนข่าวที่ออกมาตนยังไม่เห็นข่าว ต้องรอฟังจากเขา แต่เท่าที่ตนวิเคราะห์ไม่น่าจะใช้คำว่าถอน เพราะคำว่าถอน หรือถอย คือต้องไม่มีทหารเลย แต่เท่าที่ตนฟังข่าวรู้สึกว่าจะมีตำรวจเข้าไปอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของเขา ส่วนหากเราจะปรับกำลังก็เป็นเรื่องของเรา ทั้งนี้เป็นเรื่องของนโยบายที่จะมีการพูดคุยกัน และถ้าข่าวดังกล่าวเป็นจริง เดี๋ยวกระทรวงกระทรวงกลาโหมจะเรียกประชุมอีกครั้งในรายละเอียด แต่ประเด็นสำคัญ คือ ถ้าเราจะปรับกำลังฝั่งเขา หรือเราจะปรับกำลังฝั่งเราเป็นเรื่องของแต่ละประเทศจะดำเนินการ สามารถทำได้ทั้งคู่

เมื่อถามว่า กัมพูชาประกาศถอนทหารจะเป็นการกดดันไทยให้ต้องลดกำลังลงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ อย่าใช้คำว่ากดดัน มันเป็นเรื่องการแสดงความไว้วางใจ และให้มีผลในทางที่ดีต่อการตัดสินมากกว่า คงเป็นทำนองนั้น ซึ่งเป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ส่วนจะได้ผลอย่างไรตนไม่รู้ เดี๋ยวต้องคุยกันต่อ อย่าเพิ่งให้ตนตอบตอนนี้ คนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือ กระทรวงกลาโหมที่จะรับเรื่องมา เดี๋ยวคงจะมีการหารือ แต่คงต้องรอผู้บัญชาการทหารสุงสุดกลับมาจากพม่าด้วย ทั้งนี้ในเรื่องของการปรับกำลัง ทางเราได้มีการปรับบางส่วนอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่คำว่าลดกำลัง เป็นเพียงการปรับกำลังให้เกิดความเหมาะสม อาจใช้กำลังทหารหลัก ทหารพราน เราสามารถทำได้ทั้งนั้น ในเมื่อเป็นประเทศไทยเราก็ปรับในส่วนของเรา แต่ถ้าเราจะหวังผลให้เกิดผลกระทบต่อสังคมหรือให้เขาเห็นว่าเราก็มุ่งหวังให้เกิดความสันติก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ

เมื่อถามว่า ลำบากใจหรือไม่ที่หากเราถอนทหารเมื่อไรจะมีคนออกมาต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าถอน อย่าไปพูดถึงอนาคต เราก็อยู่กติกาของเรา การป้องกันประเทศเป็นเรื่องของทหารทั้งสิ้นไม่ว่าใครจะอยู่ก็ตามก็ยังเป็นกองกำลังทั้ง 7 กองกำลังที่ดูแลชายแดนทั้งหมด ถึงจะมีกำลังอื่นมาก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมทางยุทธการของทหาร ทหารเป็นผู้สั่งการทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องกติกาและกฎหมาย ไม่ใช่ให้ตำรวจไปอยู่แล้วให้ตำรวจทำตามนโยบายของตำรวจก็ไม่ได้ ต้องอยู่ภายใต้กรอบแผนการป้องกันประเทศ ซึ่งกระทรวงกลาโหมต้องมีการพูดคุยในเรื่องนี้ โดยเชิญกับเชิญเหล่าทัพ กองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศมาร่วมพูดจา เพื่อพูดคุยให้ตรงกัน ใจเย็นๆ ยังไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น หากต่างคนต่างเอาเรื่องนี้มาตีกันจะยุ่งไปใหญ่ โดยทั้งหมดเรายืนยันในการทำงานของคณะทำงานร่วม (JWG) เป็นหลักตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม และกองทัพไทย ส่วนการปรับกำลังทหารเป็นเรื่องของแต่ละประเทศดำเนินการเอง แต่ถ้าจะให้เกิดผลกระทบโดยรวมก็ต้องพูดจากัน

เมื่อถามว่า เราจะไม่ทำเหมือนกัมพูชาใช่หรือไม่ที่จะให้รัฐบาลเป็นผู้ประกาศว่าจะมีแผนถอนทหาร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวคนละเรื่อง ถ้ารัฐบาลจะคุยก็ได้ สามารถพูดได้ปกติ แต่รัฐบาลกับความมั่นคงจะเล่นคนละบทไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าไปทะเลาะกับรัฐบาล รัฐบาลกับความมั่นคงต้องพูดภาษาเดียวกัน ถ้าพูดคนละภาษาจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง รัฐบาลกับความมั่นคงต้องพูดเหมือนกัน เอาเหตุผลมาว่ากัน และนำเสนอในช่องทางของตัวเอง แต่ผลสุดท้ายก็คืออันเดียวกัน