“อำมาตย์เต้น” ยกวาทกรรมชาติอยู่สภาวะไร้รัฐธรรมนูญ อ้างคนกลุ่มหนึ่งบังคับใช้ตามอำเภอใจ ยันไม่วิตก โอ่รัฐทำถูกกฎหมายและสายตาชาวบ้าน เย้ยประชาธิปัตย์มั่นใจเสียเหลือเกินจะได้เข้าสู่อำนาจ หยันลุ้นเป็นรัฐแบบนี้มีแต่จะเสื่อมศรัทธา ขู่ศาลพิพากษาแก้ รธน.ผิดทุกกรณีทำวิกฤตการเมืองได้ แย้มทางวินิจฉัยทางลบเรียกโจกแดงถกเคลื่อนไหวแน่ โยนนายกฯ ดูปรับ ครม. ไม่เห็นสัญญาณโดนเด้งด้วย
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือการตัดสินการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.นี้ว่า ถ้าเราจะอธิบายว่าศุกร์ 13 เป็นวันอาถรรพ์หรือวันแห่งความสยองขวัญ แต่ตนคิดว่า มันจะเป็นวันที่ยืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะไร้รัฐธรรมนูญ หมายความว่าตั้งแต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ขบวนการพิจารณา และมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการดำเนินการทั้งหมด เท่ากับว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่สภาวะไร้รัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศถูกคนกลุ่มหนึ่งเลือกบังคับใช้ตามอำเภอใจ และสามารถดำเนินการนอกเหนืออำนาจที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญได้ ก็เท่ากับว่ามีคนบางกลุ่มอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ก็เท่ากับว่ารัฐนี้ก็ดำรงอยู่ในสภาพไร้รัฐธรรมนูญ และนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของการเมืองไทยในขณะนี้ และถือเป็นวันสยองขวัญของวันศุกร์ที่ 13 ที่จะถึงนี้
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการเตรียมรับผลไว้อย่างไรบ้าง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไร เพราะรัฐบาลดำเนินการมาอย่างถูกต้อง ทั้งตามกฎหมาย และปรากฏชัดในสายตาประชาชนมาโดยตลอด ยืนยันว่าหลังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะออกมาอย่างไร จะทำให้รัฐบาลนี้เข้มแข็งขึ้นด้วยการสนับสนุนจากประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ
“แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการตีความของบางฝ่ายในวันที่ 13 ก.ค.นี้ กำลังทำให้บางฝ่ายรู้สึกว่าจะเป็นวันแห่งความหวัง จะเป็นวันที่ชักนำอำนาจเข้ามาสู่พวกตัวเอง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ดูจะมั่นใจเสียเหลือเกินศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยไปในทางลบ จนเปิดโอกาสให้ตัวเองเข้าสู่อำนาจอีกครั้งหนึ่ง ผมอยากบอกว่าการจะเป็นรัฐบาลหรือการจะเข้าสู่อำนาจรัฐของพรรคการเมือง มันทำได้ด้วยวิธีการเดียวคือการได้รับเลือกตั้งจากประชาชนเท่านั้น แต่ถ้ามาลุ้นให้ศาลตัดสิน หรือมาลุ้นการดำเนินการนอกกฎหมายแบบนี้ รังแต่จะทำให้ประชาชนเสื่อมถอยศรัทธาลงไปอีก” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่า วันศุกร์ที่ 13 จะเป็นไปในทิศทางไหน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เลวร้ายที่สุดก็คงเป็นลักษณะที่ศาลจะชี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญผิดกฎหมายในทุกกรณีก็อาจจะเลยเถิดไปถึงวิกฤตทางการเมืองต่อไปได้ ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ต้องรอดู แต่ก็มีการวิเคราะห์กันเช่นนั้น สำหรับตนคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจหมดว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องตระหนักเช่นเดียวกันว่าได้ดำเนินการสิ่งใดลงไป และต้องเข้าใจว่าคำวินิจฉัยศุกร์ 13 นี้มีผลสำคัญต่อสถานการณ์บ้านเมือง ถ้าว่ากันตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ไม่มีปัญหา แต่นี้ศาลไม่มีอำนาจหน้าที่ก็เชื่อว่าศาลจะตระหนักในเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ และค่อนข้างมั่นใจว่าคำวินิจฉัยจะออกมาในทางที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคำวินิจฉัยออกมาไม่เป็นที่พอใจของคนเสื้อแดง จะมีการลุกฮือหรือเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ถามว่าเราปฏิเสธการดำเนินการครั้งนี้ของศาลรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น ซึ่งถ้าคำวินิจฉัยเป็นไปในทางลบแกนนำก็จะมีการหารือกันทันที และจะมีการประกาศมาตรการเคลื่อนไหว เพราะสิ่งที่ทำไม่ได้ทำเพื่อปกป้องรัฐบาล หรือปกป้องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการปกป้องหลักการที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตย ปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจอธิปไตยของประชาชน เพราะบ้านเมืองนี้จะปล่อยให้อยู่สภาวะไร้รัฐธรรมนูญอย่างที่เป็นอยู่ไม่ได้
เมื่อถามว่า การพูดเช่นนี้จะเป็นการกดดันข่มขู่ศาลหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ แต่เป็นการว่ากันไปตามเนื้อผ้า พูดกันตามข้อเท็จจริง เราจะไม่มีการเคลื่อนมวลชนปิดล้อมตั้งแต่วันไต่สวน หรือวันวินิจฉัย แต่หากจะพูดว่าเป็นการกดดันน่าจะมองว่าคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า กองทัพปลดแอกไปล้อมศาลรัฐธรรมนูญในวันไต่สวน และประกาศจะไปที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญในวันไต่สวนด้วย อย่างนี้หมายความว่าถ้าศาลวินิจฉัยไม่เป็นไปอย่างต้องการกองทัพปลดแอกเหล่านี้จะบุกเข้าไปปลดศาลหรือไม่ ตรงนี้มองว่าเป็นมิติการกดดันหรือไม่ อยากให้สังคมได้พิจารณา แต่คนเสื้อแดงจะติดตามข่าวสารอยู่ในที่ตั้ง แกนนำจะไปรวมตัวอยู่ที่อิมพีเรียลลาดพร้าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะมีความวุ่นวายขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 เกรงว่าจะมีอำนาจนอกระบบที่เราไม่ต้องการเข้ามาอีกหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้มันก็เป็นการใช้อำนาจนอกระบบอยู่แล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญใช้วิธีนอกเหนือจากบทบัญญัติข้อกฎหมายเข้ามาดำเนินการ ซึ่งมันชัดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอยากให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อย่างที่บอกว่า ทราบดีว่ามีคนบางกลุ่มต้องการล้มรัฐบาลอยู่ แต่อยากให้เลือกดาบ เลือกวิธีการหน่อย ถ้าเป็นวิธีการที่ไม่อาจยอมรับได้ แทนที่จะล้มรัฐบาลกลับจะทำให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้น จากการสนับสนุนของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องของปรับคณะรัฐมนตรีเป็นไปได้หรือไม่ จะรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนในวันศุกร์นี้ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ทราบ แล้วแต่นายกฯ ส่วนที่มีชื่อถูกปรับเปลี่ยนอยู่ด้วยนั้น ตนก็เห็นมีชื่อตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไปเป็นเรื่องปกติ แต่ยังไม่เห็นสัญญาณอะไร ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาอย่างไร เมื่อถามว่าผลงานมีส่วนทำให้นายกฯจะปรับหรือไม่ปรับหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายกฯจะพิจารณาอยู่ที่ว่า สถานการณ์ไหนจะเลือกลูกทีมอย่างไร ถามว่าที่ผ่านมาคนมักจะมองว่า มีการพูดถึงเรื่องของคนเสื้อแดงมากกว่างานในกระทรวง รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า อยากให้ไปดูเนื้องานในกระทรวงซึ่งมีอยู่มากมาย แต่คนทำงานก็มีหน้าที่ทำงาน คนพิจารณาก็อยู่ที่นายกฯ จะพิจารณา