“มาร์ค” กังขา “ฮิลลารี” เชิญ “ปู” เป็นแขกพิเศษระหว่างนำนักธุรกิจมะกันบุกกัมพูชา แถมมี “เชฟรอน” บริษัทยักษ์ด้านน้ำมันของสหรัฐฯ ร่วมด้วย ห่วงมีผลประโยชน์พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางละเลไทย-เขมร เตือนอย่าทำให้ไทยเสียประโยชน์จากการสลัดผลประโยชน์ “นช.แม้ว” ไม่หลุด เฉ่งบัวแก้วไม่สนใจแจงคำประท้วงกัมพูชา กล่าวหาไทยขัดคำสั่งศาลโลกพื้นที่เขตปลอดทหาร ห่วงถูกนำไปใช้ประโยชน์ในคดีเขาพระวิหาร แนะนายกฯ ใช้สัมพันธ์พิเศษคลี่คลายปัญหา
วันนี้ (10 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากรณีที่นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเป็นแขกพิเศษ เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ต่อนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาที่ประเทศกัมพูชา ในระหว่างการประชุมฟอรัมธุรกิจอาเซียน หรือ US-assean business โดยนักธุรกิจดังกล่าวมีผู้บริหารของบริษัทเชฟรอนรวมอยู่ด้วย เพราะไม่ใช่วาระปกติ และต้องเข้าใจว่าสหรัฐอเมริกากับหลายประเทศให้ความสนใจกับทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาค่อนข้างมาก และคงพยายามที่จะผลักดันในเรื่องนี้แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องระมัดระวัง ไม่ดำเนินการอะไรที่จะทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์ เพราะเรื่องนี้มีความสลับซับซ้อนพอสมควร นายกฯ ต้องรู้ว่าผลประโยชน์ของประเทศอยู่ตรงไหน
“ที่น่าห่วงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร) ประกาศชัดเจนว่าตัวเองมีความสนใจที่จะลงทุนเรื่องธุรกิจพลังงานและพื้นที่บริเวณนี้ ดังนั้น นายกฯ ต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยการทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส ความจริงหลายคนก็แสดงความแปลกใจถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สหรัฐฯ พานักธุรกิจไปที่กัมพูชา”
นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความเป็นห่วงต่อท่าทีรัฐบาลไทยที่นิ่งเฉยต่อการประท้วงของกัมพูชา ในกรณีกล่าวหาว่าทหารไทยละเมิดคำสั่งศาลโลกในพื้นที่ปลอดทหาร เนื่องจากเกรงว่ากัมพูชาอาจนำประเด็นดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในคดีปราสาทพระวิหารที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลโลก โดยเห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศต้องขยันที่จะชี้แจงเรื่องการดำเนินการของฝ่ายไทย ไม่เช่นนั้นประชาคมโลกหรือแม้แต่ศาลอาจจะเข้าใจผิด เพราะกัมพูชาคงพยายามที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าฝ่ายไทยไม่ดำเนินการตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาล
ดังนั้น รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีต้องเอาจริงเอาจังในการปกป้องตรงนี้ เนื่องจากการต่อสู่คดีเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากกัมพูชานำเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ แต่รัฐบาลไทยไม่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ ก็จะทำให้เกิดความเสียเปรียบได้ จึงเห็นว่าไทยต้องแสดงออกทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งฝ่ายกัมพูชา หรือการให้ข่าวเพื่อให้ประชาคมโลกได้รับทราบข้อเท็จจริงด้วย นายกฯ น่าจะใช้โอกาสที่เดินทางไปกัมพูชา หารือกับผู้นำกัมพูชาเพื่อยืนยันถึงท่าทีของประเทศไทย เพราะรัฐบาลก็อ้างเสมอว่ามีความสัมพันธ์พิเศษกับกัมพูชาจึงควรใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชาติ แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นว่าจะใช้ความสัมพันธ์นี้เพื่อคลี่คลายปัญหาไปในทางที่จะไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากการให้ความช่วยเหลือที่กัมพูชาให้กับผู้สนับสนุนรัฐบาลหรือกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น