xs
xsm
sm
md
lg

แผนดัน “เด็กแม้ว” ยึด สมช. เกมรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร
รายงานการเมือง

จัดเป็นดินแดนสนธยาอีกแห่งในทำเนียบรัฐบาล สำหรับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ไม่ว่ากี่ยุคกี่รัฐบาลที่เข้ามามักจะต้องมีการสังคายนาบุคคลระดับผู้บริหารอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะตำแหน่งผู้นำองค์กรอย่าง “เลขาธิการ สมช.” ที่ฝ่ายการเมืองมักจะผลักดันคนของตัวเองเข้าไปทำหน้าที่นี้อยู่เสมอ

ยิ่งในระยะหลังๆ ที่อุณหภูมิทางการเมืองเข้มข้น สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งรุนแรง สมช.ที่เป็นเสมือนหน่วยงานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง จึงมีบทบาทอย่างมาก เห็นได้ชัดจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สี่แยกราชประสงค์ ในเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ที่ “ถวิล เปลี่ยนศรี” เลขาธิการ สมช. และเลขานุการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขณะนั้น ต้องนั่งทำหน้าที่หน่วยข่าว คอยตามเก็บข้อมูล และความเคลื่อนไหวจากฝั่งผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิดเพื่อรายงานให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ทราบแบบเรียลไทม์

จนในที่สุด นำไปสู่การเปิดโปงขบวนการล้มเจ้า หรือ “ผังล้มเจ้า” นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่ออำนาจเปลี่ยนขั้วจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มาเป็นรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สมช.ในฐานะที่เป็นองค์กรไม้เบื่อไม้เมากับกลุ่มคนเสื้อแดงในยุค “รัฐบาลประชาธิปัตย์” มาตลอด จึงกลายเป็นเป้าหลักในการตามไล่เช็กบิลของ “รัฐบาลเพื่อไทย”

ก่อนจะประเดิมจัดการเด้ง “ถวิล” เก็บเข้ากรุไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ เป็นรายแรก แล้วตั้ง “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ที่จำใจหลีกทางให้ “บิ๊กอ๊อบ-พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” พี่เมีย “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้ามาเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่แทน

หลังจากเชือดเลขาธิการ สมช.คนเก่าลงได้สำเร็จ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” พยายามจะเดินหน้าโละบรรดา “รองเลขาธิการ สมช.” อคนที่เหลือ เนื่องจากเกรงว่าจะกลายมาเป็นหอกข้างแคร่ในภายภาคหน้าได้

ขณะเดียวกันก็เตรียมจะดึง “เสธ.แมว-พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” อดีตรองเลขาธิการ สมช.ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่ถูก “รัฐบาลอภิสิทธิ์” โยกไปตบยุงในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ กลับเข้ามาสู่ชายคาหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งนี้อีกครั้งในตำแหน่งเดิม

แต่แผนการดังกล่าวของรัฐบาลก็กระทำไม่สำเร็จ เพราะมีแรงต่อต้านจากพนักงานและเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรสมช.ที่รับไม่ได้กับการล้างบางแบบรวดเดียวจบ ออกมาเขย่าอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งคนที่รับผิดชอบหน่วยงาน สมช. อย่าง “พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในขณะนั้น ก็ไม่เปิดสัญญาณไฟเขียวให้กับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเคยจับมือ “สัญญาลูกผู้ชาย” กับ “ถวิล” ออกไว้แล้วว่า จะไม่แตะต้องรองเลขาธิการ สมช.ทั้ง 3 คนที่เหลือ เพื่อเปิดโอกาสให้ได้ทำงานต่อไป

เมื่อข้าราชการคัดค้าน มิหนำซ้ำคนที่ตัวเองส่งมาดูแลงานนี้โดยตรงอย่าง “บิ๊กโก” ดันเล่นบท “จ่าเฉย” ไม่สนองตอบ สุดท้ายฝ่ายบริหารจึงต้องชะลอโครงการรื้อ สมช.เก็บไว้ในลิ้นชักชั่วคราว

ขณะเดียวกันการกระทำดังกล่าวของเจ้าของฉายา “ประแจปากตาย” ในครั้งนี้ ยังได้สร้างความไม่พอใจให้กับ “คนแดนไกล” เป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การปรับ “ครม.ปู 2” ไร้ชื่อของ “พล.ต.อ.โกวิท” อยู่ในโคจรเหล่าเสนาบดี

อย่างไรก็ตามหลังจากรัฐบาลจัดการเขี่ย “โกวิท” ออกจากสารบบ และนำ “บิ๊กอ๊อด-ยุทธศักดิ์ ศศิประภา” มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงแทนแล้ว ความพยายามที่จะส่งคนของตัวเองอย่าง “พล.ท.ภราดร” เข้ามาในสมช.ก็ยังมีการเดินเกมอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ฝ่ายบริหารได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแทรกแซงกันใหม่ ด้วยการแจ้งไปยัง สมช. เพื่อขอเปิดตำแหน่งรองเลขาธิการ สมช.อีก 1 อัตรา

แต่ก็ยังต้องพบกับอุปสรรคอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่ออัตราเจ้าหน้าที่ใน สมช.ได้เต็มอัตราเกินกว่าที่จะเปิดรองรับได้

เมื่อหาทางลงไม่ได้ สุดท้าย “ทักษิณส่วนหน้า” จึงต้องงัดไม้แข็ง ลงมือทำหนังสือโอนย้าย “พล.ท.ภราดร” จากที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ มาเป็นรองเลขาธิการ สมช.แทน “สมเกียรติ บุญชู” แล้วร่อนไปให้ “พล.ต.อ.วิเชียร” ในฐานะเลขาธิการ สมช.เซ็นชื่อรับรองเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทว่า “บิ๊กน้อย” เอง ก็กล้าๆกลัวๆกับแรงกระเพื่อมจากผู้ใต้บังคับบัญชาใน สมช.ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงสวมบท “จ่าเฉย 2” ทำมองไม่เห็น แช่เรื่องเอาไว้ ไม่ยอมจรดปากกา กระทั่งคนในรัฐบาลทนไม่ไหว ต้องจัดบทโหด บีบรัดให้เซ็นในที่สุด

หลังจากยอมลงชื่อโอนย้ายเสร็จ เลขาธิการ สมช. ก็ออกลูกพลิ้วรีบบินลัดฟ้าไปทำภารกิจที่สหรัฐอเมริกา เพื่อหลบประเด็นร้อนทันที โดยที่โดดร่มไม่เข้าร่วมประชุม ครม.เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

ตามภารกิจแทรกซึม สมช.ขั้นตอนที่หนึ่ง ก็เป็นอันเรียบร้อย “โรงเรียนแม้ว”

ขณะที่บันไดขั้นที่สอง หลังจาก “เสธ.แมว” คัมแบ็กในเก้าอี้รองเลขาธิการ สมช.ได้แล้ว “นายห้างดูไบ” ก็เตรียมจะปิดเกมเร็ว โดยการส่งมือดีลเข้าไปเกลี่ยกล่อม “บิ๊กน้อย” ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2556 ให้ยอมสละเก้าอี้เพื่อเปิดทางให้ พร้อมกับเสนอทางเลือกในตำแหน่งอื่นที่ทัดเทียมกันเป็นการแลกเปลี่ยนในช่วงนับถอยหลังงานราชการที่เหลืออีกแค่ 1 ปี

และหากอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพะยักหน้าเซย์เยส ก็ประมาณการณ์ได้ว่า ราวๆ ช่วงเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.ปีนี้ สมช.จะมีผู้นำองค์กรใหม่นาม “ภราดร” เป็นที่แน่นอน

ตรงกันข้ามหากมือดีลเข้าไปเจรจาต่อรองไม่สำเร็จ รัฐบาลก็อาจชะลอการเปลี่ยนหัวขบวนหน่วยงานความมั่นคงแห่งนี้ออกไปก่อน จนกว่า “บิ๊กน้อย” จะเกษียณราชการ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นจะต้องดันทุรัง จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต อีกทั้งอายุราชการของรองเลขาธิการสมช.คนใหม่ ก็ยังเหลืออีกร่วม 3 ปี

อย่างไรเสีย ชะตากรรมของ สมช.ก็ยังอยู่ในกุมมือของรัฐบาลอยู่ดี

สำหรับเหตุผลที่รัฐบาลพยายามผลักดันนายทหารยศพลโทคนนี้ให้เติบโตในชีวิตราชการมาโดยตลอดนั้น เป็นผลมาจาก “พล.ท.ภราดร” เองมีศักดิ์เป็นเครือญาติของ “ปรีดา พัฒนถาบุตร” อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่มีนายเวรในขณะนั้นชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ”

ดังนั้น สำหรับคนชื่อ “ปรีดา” แล้ว “น.ช.ทักษิณ” ยกให้เป็นเสมือนผู้มีพระคุณคนหนึ่งที่ทำให้ตัวเองเติบโตในทางการเมืองมาจนวันนี้ ครั้นเมื่อมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน การตอบแทนด้วยลาภยศตามสไตล์ถนัดอย่าง “แม้วแดง” จึงเกิดขึ้น

นอกจากการตอบแทนบุญคุณแล้ว การเลือกคนใกล้ตัวที่ไว้ใจได้มาคุมหน่วยงานที่เป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลก็เป็นสิ่งที่ “นายห้างดูไบ” เลือกทำมาตลอด

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากมีการยกเครื่อ สมช.เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว กลไกด้านการข่าวทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของรัฐบาลชุดนี้จะเป็นอย่างไร

โดยเฉพาะการหยิบจับส่วนนี้มาใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้กับพวกตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น