xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร” จี้ “วสันต์-นุรักษ์-สุพจน์” ถอนตัวคดีล้มการปกครอง เจอสื่อแย้งยังแถ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธ์ (แฟ้มภาพ)
“จตุพร” ไม่ห่วงคดีถูกฟ้องกล่าวหา “มาร์ค” ตีตนเสมอเจ้า ยันไม่เอาแก๊งแดงมากดดัน เล่นลิ้น จี้ “วสันต์-นุรักษ์-สุพจน์” แสดงสปิริตถอนตัวจากการพิจารณาคดีล้มล้างการปกครองเหมือน “จรัญ” อ้างเคยเป็นอดีต ส.ส.ร.ยกร่าง รธน. 50 เจอสื่อแย้ง “จรัญ” ไม่ได้ถอนตัวเพราะเป็นอดีต ส.ส.ร.ยังแถ อ้างเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ พร้อมอุ้ม “ขุนค้อน” คลิปเสียงแสดงชัด “นช.แม้ว” สั่งไม่ได้ ชู “สมศักดิ์” ทำหน้าที่ประธานสภาอย่างเป็นกลาง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวก่อนขึ้นศาลอาญาในคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ฟ้องหมิ่นประมาทข้อหาใส่ร้ายว่าหนีทหารและใช้หลักฐานเท็จสมัครเป็นอาจารย ์ร.ร.นายร้อย จปร.ว่า เรื่องนี้ตนเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจมาครั้งหนึ่งแล้ว และขอให้นายอภิสิทธิ์ฟ้อง ซึ่งตนพร้อมที่จะพิสูจน์ ส่วนคดีที่ตนกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ตีตนเสมอเจ้า ซึ่งจะมีการตัดสินคดีในวันที่ 10 ก.ค.นี้นั้น ก็สุดแท้แต่การตัดสินของศาล ตนมีหน้าที่น้อมรับคำตัดสินไม่มีปัญหาอะไร เพราะทั้งตนและนายอภิสิทธิ์ต่างก็ไม่ทราบว่าศาลจะตัดสินอย่างไร และเรื่องนี้จะไม่มีมวลชนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเป็นคดีฟ้องหมิ่นประมาทตามปกติ ทั้งนี้ยืนยันว่าในวันดังกล่าวจะมาฟังคำตัดสินของศาลด้วยตัวเอง

ส่วนการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ทุกอย่างมีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยตนเห็นคลิปที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 ไว้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 โดยการเลือก ส.ส.ร.สามารถที่จะทำได้ จึงคิดว่าเป็นอาการเดียวกับนายจรัญ ภักดีธนากุล ที่ถอนตัวจากการเป็นองค์คณะไปแล้ว ซึ่งต้องเข้าใจว่ายังไม่มีใครเรียกร้องให้นายจรัญถอนตัวจากการเป็นองค์คณะ เป็นเรื่องของนายจรัญเอง แต่เมื่อนายจรัญแสดงมาตรฐานว่าเคยเป็น ส.ส.ร.จึงถอนตัวนั้น นายนุรักษ์ มาประณีต นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการฯ ก็ควรยึดสปิริตเดียวกับนายจรัญ ปฏิบัติเหมือนกันด้วย เช่นเดียวกับกรณีของนายวสันต์ ที่พูดในถ้อยคำเดียวกัน เทียบกับกรณีของตน ที่นายจรัญ ก็ถอนตัวในระหว่างการเป็นองค์คณะพิจารณาคดีเพิกถอนการเป็นส.ส.ของตน เนื่องจากมีคดีที่ภรรยาเป็นคุ่ความกับตนจึงถือว่ามีส่วนได้เสีย แต่ต่อมาตนก็พบว่าตุลาการที้ง 9 คนมีมติให้ดำเนินคดีกับตน ในวันที่ 28 ตุลาคมปี 2553 ถ้ายึดหลักเดียวกับนายจรัญ ก็ต้องถอนทุกคน

“เรื่องนี้ไม่ใช่แท็กติก แต่เป็นเรื่องที่ตุลาการทราบดีเพราะเป็นเรื่องข้อเท็จจริง เรื่องนี้ต้องผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ผมยืนยันว่าไม่มีใครบีบเพื่อให้ตุลาการต้องถอนตัว มีแต่คำถามจากสื่อมวลชนเท่านั้น”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การถอนตัวของนายจรัญเกิดจากที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ทนายผู้ถูกร้อง ไปตั้งคำถามจนทำให้นายจรัญต้องชี้แจงทำให้ปรากฏความเห็นเกี่ยวกับคำวินิจฉัยคดีจึงได้ขอถอนตัวออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือวิธีสู้คดีของผู้ถูกร้องที่ตั้งใจให้ตุลาการต้องถอนตัวใช่หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แท็กติกแต่เป็นเรื่องข้อเท็จจริง เพราะนายจรัญเป็นรองประธาน กรรมาธิการยกร่างฯ เพราะเป็นผู้ระบุว่าแก้รัฐธรรมนูญได้ตาม มาตรา 291 นายชูศักดิ์ จึงถามข้อเท็จจริงนายจรัญทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่า รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้จนลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ก็เป็นเพียงแค่การตั้งคำถามเท่านั้น

เมื่อถามว่าจะใช้วิธีเดียวกันกับนายนุรักษ์ และนายสุพจน์ด้วยหรือไม่ นายจตุพรย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่วิธีการแต่เป็นข้อเท็จจริงเพราะมีคลิปเผยแพร่ไปทั่วก็เป็นหน้าที่ของตุลาการต้องอธิบายความ

ส่วนกรณีคลิปเสียงของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภานั้น นายจตุพรกล่าวว่า ทำให้เห็นชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สั่งอะไรไม่ได้ เพราะนายสมศักดิ์ก็ยืนยันมาตลอดว่าตัดสินใจด้วยตัวเอง และก็บอกว่าเป็นประโยชน์ เป็นสิ่งที่นายสมศักดิ์แถลงจุดยืนของตัวเองว่าเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจได้

“ประเทศไทยหาคนเป็นกลางยากนะ เพราะฉะนั้นผมว่านายสมศักดิ์พยายามอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 3 คนขึ้นไปลากแขนนายสมศักดิ์ การเป็นกลางหรือไม่เป็นเรื่องของความรู้สึก แต่การไปกระชากลากประธานสภา การขว้างข้อบังคับและแฟ้มใส่ประธานสภา ถามสื่อว่าเป็นกลางหรือเปล่า ผมไม่เป็นกลาง มีข้างชัดเจน เพราะฉะนั้นความเป็นกลางหรือไม่เป็นความรู้สึกเป็นนามธรรม อยู่ที่จิตใจ”

ผู้สื่อข่าวถามแย้งว่า ที่ถามไม่ใช่เรื่องความรู้สึกแต่เป็นบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ระบุถึงการปฏิบัติหน้าที่ของประธานรัฐสภาไว้ในมาตรา 125 วรรค 2 ว่าต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง พฤติกรรมของนายสมศักดิ์ ละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรานี้หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าเห็นว่าผิดก็ดำเนินว่าไปตามผิด เช่นเดียวกับการกระชากลากถู เขวี้ยงใส่ประธานสภา พฤติกรรมเหล่านั้นก็ไม่สมควร เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามผิดเรื่องอะไรต้องว่าไปตามนั้น แต่ต้องยอมรับว่าในใจของเรามีข้างชัดเจน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่กระทบต่อพรรคเพื่อไทย และที่สำคัญเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวต้องอธิบายความเอง ข้อกฎหมายไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ และที่สำคัญกฎแห่งกรรมมีจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น