รองโฆษกรัฐบาล เผย ปรามเสื้อแดงแสดงพลัง หลังฮึ่มเตรียมเข้ากรุง อ้างหวังให้ศาลคืนความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ยอมรับ อ้างพยานฝ่ายถูกร้องถอนตัว เพราะไม่มีใครยืนอยู่ข้างความไม่ถูกต้อง ส่วนเรื่องคลิปเสียง ปธ.สภา รัฐบาลไม่กังวล เพราะแค่คุยกับคนใกล้ชิด วอนสังคมระวังเป็นเหยื่อถูกเสี้ยม
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการลงพื้นที่กับ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข ตรวจเยี่ยมระบบงานสาธารณสุข ในกลุ่มจังหวัดอีสานตอนใต้ ใน จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี ถึงกรณีที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เริ่มการไต่สวน และวินิจฉัยกรณีร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อกฎหมาย และเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หรือไม่ ว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งประชาชนตื่นตัวและรับรู้ว่าองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เริ่มการไต่สวนและวินิจฉัยแล้ว โดยกลุ่มมวลชนต่างๆ ในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงต่างก็สอบถาม และพูดถึงการเตรียมความพร้อมในการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงพลังต่อกรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้คำแนะนำไปยังกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ยังไม่ให้มีการชุมนุมเพื่อแสดงพลังใดๆ เพราะโดยส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่า องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังสามารถที่จะกลับคืนสู่ความเหมาะสม และเป็นที่พึ่งของสังคมในระบอบประชาธิปไตยได้ เพราะความสงสัยรอบใหม่ได้เริ่มต้นเกิดขึ้น เมื่อไปรับคำร้องโดยไม่ผ่านอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมมองเรื่องนี้กันมาก ฉะนั้น เพื่อเป็นการคืนความศักดิ์สิทธิ์ และคืนการยอมรับองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะใช้โอกาสนี้ในการมีคำวินิจฉัยที่เป็นประโยชน์และทำให้รักษาอำนาจอธิปไตยต่อไปได้ โดยที่กระบวนการยุติธรรมไปวิ่งอยู่ในเลนของตัวเอง อำนาจตุลาการถ้าจะภิวัฒน์แบบนี้ ก็ไม่ควรภิวัฒน์ อย่างไรก็ตาม กรณีของผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นพยานฝ่ายผู้ร้องได้ทยอยถอนตัวออกไปทีละคน ก็เป็นการแสดงให้เห็นชัดว่าไม่มีใครยืนอยู่ข้างความไม่ถูกต้อง
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีคลิปเสียงของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นเพียงการปรารภและการปรึกษาหารือกันภายในครอบครัวคนใกล้ชิดเท่านั้น และพรรคเพื่อไทย รวมถึงรัฐบาลไม่ได้วิตกกังวลในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ก็ได้เพ่งเล็งว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นเลย หากไม่ถูกหยิบโยงเข้ากับเครือข่ายของการต่อต้านรัฐบาล ตนก็ขอให้สังคมช่วยรับฟังข่าวสารอย่างพินิจพิเคราะห์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการพยายามจะเสี้ยมให้เกิดการแตกแยก