รองโฆษก รบ.ซัดศาล รธน.ลนจัด ยันไม่มีอำนาจสั่ง เย้ยกลัวถูกรื้อ

รองโฆษกรัฐบาลซัดศาลรัฐธรรมนูญลนลานจนทำเกินหน้าที่ อ้างชาวบ้านไม่ไว้วางใจมากขึ้น ยันไม่มีอำนาจ ไม่ต้องมีผลผูกพันรัฐสภา ไม่เข้าข่าย ม.68 อ้างเพื่อไทยได้อำนาจจากการเลือกตั้งจะฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญได้ยังไง เย้ยกลัวถูกรื้อ

วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้สภาฯชะลอการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในวาระ 3 ไว้ก่อนว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ชี้ชัดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลุกลี้ลุกลน รีบร้อนเกินเหตุจนเผลอทำเกินหน้าที่ เพราะหน้าที่ของท่านคือการใช้รัฐธรรมนูญให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เพื่อประเทศชาติ จึงเป็นการแสดงท่าทีที่ชวนสงสัยและเข้าใจยาก ปกติประชาชนก็สงสัยท่านอยู่แล้ว จู่ๆ ท่านออกคำสั่งแบบนี้มา มันก็จะมีแต่ทำให้ท่าน ถูกมองด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย และไม่ไว้วางใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะครั้งนี้ที่แทบจะเรียกว่า คาหนังคาเขา

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ส่วนตัวมองว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะออกคำวินิจฉัยแบบนี้ และเมื่อพยายามที่จะมีคำวินิจฉัยเช่นนี้ออกมาก็ไม่ควรจะมีผลผูกพันให้รัฐสภาต้องปฏิบัติตาม ทั้งประเด็นข้อกฎหมายและเจตนารมณ์ ท่านอาจไม่รู้ว่าการกระทำของท่าน อาจเป็นการเติมเชื้อไฟของความไม่พอใจ ตอกลิ่มสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง ถ้าเป็นถนน 3 อำนาจหลักในระบอบประชาธิปไตย ก็ควรจะวิ่งเลนใครเลนมัน ไม่ควรขับรถคร่อมเลนเพื่อน ตนไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ และถือว่าไม่ใช่คำวินิจฉัยหรือคำตัดสิน และเรื่องนี้ก็ไม่เข้าข่ายมาตรา 68 เพราะการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นการล้มล้างหรือให้ได้มาซึ่งอำนาจ แต่หากจะตีความว่าเข้าข่าย ผู้ร้องก็จะต้องยื่นต่ออัยการสูงสุด (ออส.) และให้ อสส.มีความเห็น ก่อนยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่จู่ๆ ก็ไปมุบมิบยื่นร้องกันแบบชงเองกินเอง

“รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้อำนาจมาจากการเลือกตั้ง แล้วจะหาว่าได้อำนาจโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้อย่างไร เพียงแต่เราจะแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเพราะเราหาเสียงมาแบบนี้จึงชนะการเลือกตั้ง คนไม่ชอบรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่น้อย ซึ่งมาตรา 291 ให้เสนอได้ เพราะความกลัวทำให้เสื่อม ท่านเลยกลัวว่าเขาจะไปรื้อศาลรัฐธรรมนูญ จะไปรื้อโครงสร้าง ล้มล้างอำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ฝนยังไม่ตกไม่ต้องกางร่ม ฟ้ายังไม่มืดไม่ต้องกลัวผี” นายอนุสรณ์กล่าว

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า รัฐสภามีหน้าที่ออกกฎหมายก็ต้องออกกฎหมาย ซึ่งประชาชนบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้ไข ตั้งแต่วันแรกที่ใช้ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านมา 2 วาระทุกคนก็เห็นด้วย ทั้งวุฒิสภาและฝ่ายค้าน ถึงแม้ว่าฝ่ายค้านจะยกมืออะไรก็แพ้ซ้ำซาก แต่ด้วยกติกาประชาธิปไตยก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับก็แสดงว่าไม่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาจริง ตนได้แต่หวังใจว่าจริงๆวันนั้นพรรคฝ่ายค้านเล่นไปตามบท จิตใจจริงๆ คงรู้สึกบอบช้ำ ที่เหยียบย่ำระบบนี้ ส่วนการที่ฝ่ายค้านยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้เสนอตราพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาฯเพื่อลดความขัดแย้งนั้น เป็นประเภทพวกไม่รู้เต่ารู้แลน เลยไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร เสียยี่ห้อพรรคเก่าแก่หมด