รองโฆษกรัฐบาลไม่สนเสียงวิจารณ์หอการค้าไทย อ้างการปรับแค่แรง 300 บาทจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวแน่เพราะมีการใช้จ่ายมากขึ้นจากรายได้ที่เพิ่ม อ้างระบุ “น้ำท่วม-วิกฤตเศรษฐกิจยุโรป” คือ 2 ปัจจัยทำเศรษฐกิจสะดุด เผยรัฐบาลจะประชุม ครม.เศรษฐกิจทุกสัปดาห์ เพื่อรับมือวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้น
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำวันละ 300 บาท ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะแรงงานส่วนใหญ่ไม่ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่กลับเก็บออม เนื่องจากไม่มั่นใจอนาคตว่านายจ้างจะยังคงจ้างงานต่อหรือไม่ว่า การที่รัฐบาลผลักดันนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำวันละ 300 บาทนั้น เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล ที่มีแนวปฏิบัติชัดเจน ที่จะระดมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนมาก ทั้งการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยในอนาคต การรับจำนำพืชผลการเกษตรในราคาสูง การปรับขึ้นค่าครองชีพของข้าราชการให้มีรายได้สูงขึ้น รวมถึงการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำวันละ 300 บาท ก็เพื่อจะกระตุ้นกำลังซื้อภาคประชาชนอีกส่วนหนึ่ง
นายอนุสรณ์กล่าวว่า การปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำวันละ 300 บาทยังเป็นการเพิ่มศักยภาพของภาคแรงงานของประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานให้ได้มีรายได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ตัวเลขที่ทางรัฐบาลประเมินอยู่ยังมั่นใจว่า เฉพาะนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ตามเป้า เพราะแรงงานส่วนใหญ่เมื่อมีรายได้มากขึ้นก็จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
นายอนุสรณ์กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มี 2 ปัจจัยหลักคือ 1. เหตุการณ์มหาอุทกภัยในปลายปี 2554 ซึ่งกระทบฐานการผลิตของประเทศอย่างรุนแรง และ 2. การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งรัฐบาลได้แสดงความเป็นห่วงต่อภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มสหภาพยุโรปในขณะนี้ โดยมอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งยังให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที