นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานประชุมสมัชชาครูภูมิปัญญาไทยแห่งชาติ เผยรัฐบาลยินดีนำภูมิปัญญาไทยให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปบรรจุเป็นหลักสูตร แต่เน้นเอกลักษณ์ของแต่ละสถาบัน ขอฝากกองทุนสตรีพร้อมทำงานร่วมกันนำไปสร้างเป็นอาชีพ เชื่อมโยงกับโอท็อป
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานประชุมสมัชชาครูภูมิปัญญาไทยแห่งชาติ โดยทางสมัชชาครูภูมิปัญญาไทยได้กล่าวสรุปรายงานการประชุมที่เป็นข้อเสนอถึงรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การพิจารณา คือ 1. ครูภูมิปัญญาไทยถือเป็นรากฐานชุมชนท้องถิ่นที่นับวันจะสูญหายไป โดยมีการนำเอาวัฒธรรมไกลตัวมาใช้อย่างไม่เหมาะสม โดยขอให้รัฐบาลสนับสนุนการศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างจริงจัง บรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาอย่างจริงจัง
2. ภูมิปัญญาท้องถิ่นพร้อมที่จะถ่ายทอดหลักสูตร แต่กลับถูกมองข้าม หากสังคมให้ความสำคัญก็ยินดีที่จะถ่ายทอดให้เป็นที่ยอมรับ และนำไปสู่การพัฒนาประเทศ 3. ภูมิปัญญาท้องถิ่นพร้อมถ่ายทอดความรู้ไปสู่การศึกษา แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายปลายทาง หากได้รับการสนับสนุนงบประมาณ สถานที่ อุปกรณ์ ก็จะทำให้สามารถทำงานรับใช้สังคม และประเทศชาติได้ 4. มิติต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความเข้มแข็งของคนในชุมชน การโอนความรู้ ครู รัฐบาลถือเป็นกลไกในการอนุรักษ์ฟื้นฟูภูมิปัญญาไทยเป็นมรดกโลก
5. วางรากฐานภูมิปัญญาจัดให้เป็นการทำงานที่มีเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มีหลายหน่วยงานดูแล ทำให้กระจัดกระจายไม่เป็นเอกภาพ ควรมีสถาบันมีเครือข่ายอย่างมีคุณภาพ ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณภาพ กำหนดขึ้นตรงกับหน่วยงานให้เป็นรูปธรรม และ 6. ปัจจุบันรัฐบาลสนับสนุนจัดตั้งหลายกองทุน ซึ่งเชื่อแน่ว่าภูมิปัญญาไทยจะเป็นรากฐานสร้างความมั่นคงในชาติ จึงควรได้รับการดูแลจากรัฐบาลและได้รับการสนับสนุน จัดให้มีภูมิปัญญาแห่งชาติ และจัดตั้งกองทุนภูมิปัญญาไทย
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนมีความรู้สึกภูมิใจ เพราะประเทศไทยมีผู้ที่มีความรู้เปรียบเสมือนแม่พิมพ์ของชาติที่อยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่ 9 แขนงที่มารวมกัน ตนชอบมากกับคำที่ใช้ว่า “จิตวิญญาณของแผ่นดินไทย” มีรากฐานของความเป็นครูอย่างแท้จริง รัฐบาลยินดีที่จะเป็นสื่อกลางที่จะนำจิตวิญญาณที่มีความรู้ มีคุณค่า มีประโยชน์ ที่ควรได้รับการรักษาต่อยอดภูมิปัญญานี้ไปยังลูกหลาน ที่ไม่ได้บอกแค่ลูกหลานในชุมชน แต่บอกไปถึงลูกหลานที่กำลังจะเจริญเติบโตทุกวันนี้ ที่เติบโตด้วยวิวัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามารวมกัน แต่ขณะเดียวกันเราลืมไปว่า ทรัพยากรที่มีค่าที่เป็นภูมิปัญญาดั่งเดิมที่บรรพบุรุษเรากว่าจะคิดค้น กว่าจะเป็นผลงาน ไม่ได้มาง่ายๆ แต่มาจากการเรียนรู้ ประสบการณ์สะสมกันมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
นายกฯ กล่าวต่อว่า จากที่ฟังข้อเสนอหลายข้อถือเป็นข้อคิดที่ดี และเห็นด้วยในหลักการที่ว่า เรามีผู้ที่มีความรู้ แต่ไม่ได้ต่อยอดตรงนี้ ตนมองว่า การที่เราต่อยอดครั้งสุดท้ายมองในทางเดียวกันว่า การเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนจะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างไร และการสานต่อการเป็นวัฒนธรรมที่ละเอียดงดงามให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อส่งเสริมรายได้กลับมายังชุมชน โดยมอง 2 มุม ซึ่งมุมแรกเริ่มตั้งแต่เรื่องของคน ต้องมีกระบวนการถ่ายทอดโดยใช้กลไกกระทรวงศึกษาธิการ นำเอาหลักสูตรไปบรรจุเป็นรูปธรรม แต่อยากฝากด้วยว่า ในแต่ละโรงเรียน แต่ละมหาวิทยาลัยจะบรรจุจะต้องมีความชำนาญ อย่าทำกระจายกว่าเกิน จนหาเอกลักษณ์ของแต่ละสถาบันไม่ได้
ทั้งนี้ เพราะว่าแต่ละที่เรารู้แต่ละสถาบันมีความชำนาญอย่างไรก็อยากให้ปรับเข้ามาสู่แขนงนี้ และมีกระบวนการรับข้อมูลข่าวสาร ถ่ายทอด กาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการให้ทันสมัยได้ แต่ห้ามเปลี่ยนแปลงภูมิปัญญา เห็นด้วยอย่างยิ่ง อยากเห็นเวทีนี้ในการถ่ายทอดขอฝาก กระทรวงศึกษาธิการ และอยากขอฝากเรื่องของกองทุนสตรี เพราะเราก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกับครูภูมิปัญญาทุกท่าน ที่จะร่วมการถ่ายทอดให้กลุ่มสตรี ในการนำภูมิปัญญานี้ไปสร้างอาชีพ เสริมรายได้ ซึ่งจะเป็นการทำงานในลำดับต่อไป
ส่วนเรื่องของสินค้าจะมีการต่อยอดวิจัย คิดค้น เพื่อให้เกิดการแตกแขนงต่างๆ มากมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กลับมาในรูปแบบที่ทันสมัยใช้งานได้ จะเห็นว่าจาก 9 แขนงล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น อันเกิดจากการสะสมประสบการณ์ และทุกกระทรวงพร้อมที่จะมาทำงานบูรณาการร่วมกันกับท่าน เพื่อให้สินค้าผลผลิตที่ดีขึ้นๆ อย่างเป็นรูปธรรม และสุดท้ายแล้วเมื่อพัฒนาการแล้วแต่ไม่ได้ขายก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ รัฐบาลพยายามที่จะเป็นสื่อกลางนำการนำสินค้าโอท็อป รัฐบาลนำภูมิปัญญามาพัฒนาต่อยอด
นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายเชื่อมต่อภาคเอกชนกับภาครัฐ โดยจะช่วยเป็นช่องทางในการจำหน่ายโอท็อปซึ่งเป็นสินค้าพื้นบ้าน วันนี้สามารถทำได้ดีแล้วในชุมชน แต่การขยายต่อยอดสินค้าไม่ว่าจะผ่านศูนย์ต่างๆ ทางราชการ สินค้าที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาขยายให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้ว่าสินค้าของเรามีคุณค่ากว่าจะมาเป็นสินค้า 1 ชิ้นมีความยากลำบากอย่างไร สามารถต่อยอดมูลค่าเพิ่มในการขายตามห้างร้านต่างๆ รัฐบาลจะเข้าไปดำเนินการส่วนนี้ให้เป็นรูปธรรม เชื่อว่าการต่อยอดภูมิปัญญานี้จะเกิดเป็นรายได้ของชุมชน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในข้อเสนอต่างๆ รัฐบาลพร้อมทำงานสนับสนุนร่วมกัน ถ่ายทอดความตั้งใจ และจิตวิญญาณที่จะถ่ายทอดไปยังลูกหลานเยาวชนให้เป็นรูปธรรม ส่งเสริมเนื้อหา พัฒนา ไม่อยากการทำงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวจบ แต่อยากเห็นความต่อเนื่อง เพราะความรู้ไม่มีขีดจำกัด ความรู้ต้องยิ่งสอน ต้องเรียนรู้ รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการโอนการศึกษา ทุนหมุนเวียนเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม แสดงเจตจำนงในการนำจิตวิญญาณถ่ายทอด ตนยืนยันว่า เราจะผลักดันถ่ายทอดไปยังลูกหลานของเราไปยังทั่วโลก