xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” บินญี่ปุ่นบรรยายอนาคตเอเชียแปซิฟิก ตำหนิ “โต้ง” คิดแต่กู้ แนะดูบทเรียนฝรั่งเศส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
ผู้นำฝ่ายค้านได้รับเชิญไปบรรยาย “อนาคตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” เผย ควรยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ชี้ มหาอำนาจสนใจเอเชีย แต่ยอมรับการเมืองไทยไม่ดี ฉุดการพัฒนาเศรษฐกิจดิ่งเหว เหตุยังไม่ก้าวข้ามทักษิณ ตำหนิ “กิตติรัตน์” ขอกู้อีก 2 ล้านล้าน คิดแต่กู้ ทำชาติเสี่ยง แนะดูบทเรียนฝรั่งเศส แล้วทบทวนประชานิยม หวั่นความเสี่ยงข้างหน้ามีแน่

วันนี้ (1 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ว่า ตนได้รับเชิญไปบรรยายเกี่ยวกับ “อนาคตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” โดยประเด็นที่จะชี้ให้เห็น คือ สิ่งที่ภูมิภาคนี้จะต้องปฏิรูปในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง รวมถึงมิติด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อการพัฒนาของทุกประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเห็นว่าควรจะเน้นให้ยึดอาเซียนเป็นแกนกลาง เช่น เวทีประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก ซึ่งปัจจุบันทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย เข้ามาร่วมแล้ว ซึ่งจะเป็นเวทีที่ทำให้การแก้ปัญหาในภูมิภาค และการเมืองในภูมิภาคเดินหน้าได้อย่างราบรื่น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า มหาอำนาจหลายประเทศให้ความสนใจต่อภูมิภาคนี้มากขึ้น เป็นความท้าทายของทุกประเทศ เพราะทั่วโลกมองว่า ภูมิภาคนี้จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ต้องย้ำ คือ เมื่อเศรษฐกิจพัฒนาตัวระบบโครงสร้างทางการเมือง สถาบันทางการเมือง และระบบการบริหารจัดการต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปด้วย โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่า โครงสร้างทางการเมือง และปัญหาทางการเมืองในรอบประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบค่อนข่างรุนแรงในแง่ภาพลักษณ์ของประเทศ เป็นการย้ำว่า ถ้ากระบวนการทางการเมืองไม่แก้ปัญหาตัวเองก็เป็นการฉุดการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งตนย้ำเสมอว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตมากกว่าที่จะสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มขึ้น

“บรรยากาศการเมืองในขณะนี้ไม่ดี เพราะรัฐบาลยังสลัดไม่พ้นจากปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก้าวไม่พ้นตรงนี้ ยังดึงเรื่องผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามา ก็ทำให้สังคมมีความขัดแย้ง ถ้ารัฐบาลปล่อยเรื่องนี้ แล้วเดินหน้าแก้ปัญหาเตรียมการสำหรับวิกฤตที่จะเกิดในยุโรป หรือการรองรับการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนก็จะทำให้โอกาสของเศรษฐกิจไทยดีขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทยถูกลดอันดับประเทศน่าลงทุนลงจากหลายนโยบายของรัฐบาลที่ไปเพิ่มต้นทุนการผลิต ว่า รัฐบาลต้องมีมาตรการมารองรับ เช่น นโยบายค่าแรง เมื่อประกาศแล้วต้องทำ แต่ต้องมีมาตรการดูแลผู้ประกอบการในการปรับตัว และต้องทบทวนนโยบายพลังงาน เพราะที่ผ่านมา การซ้ำเติมต้นทุนด้านพลังงานก็มีผลเช่นกัน เพราะในขณะนี้มีการแข่งขันที่จะดึงการลงทุนเข้าประเทศต่างๆ สูงมาก แต่รัฐบาลมักจะพูดในเชิงตั้งรับอย่างเดียว เช่น ตอนน้ำท่วมก็กังวลแค่เรื่องว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตหรือไม่ แต่ความจริงคำถามที่ต้องตอบ คือ เราจะดึงการลงทุนใหม่เข้ามาได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอุตสาหกรรมหลัก อย่างเช่น ยานยนต์ ขณะนี้คู่แข่งของไทย ทั้งอินเดียและอินโดนีเซีย ก็เร่งตัวมาก จึงไม่อยากให้ประเทศไทยเสียโอกาส อยากใหเรัฐบาลกลับมาตั้งหลักในเรื่องเหล่านี้

ส่วนกรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง มีแผนที่จะออก พ.ร.บ.เงินกู้ถึง 2 ล้านล้านบาท ว่า เท่าที่อ่านข่าวน่าจะเป็นเรื่องการส่งออกที่มีปัญหาเรื่องของสภาพคล่อง โดยอยากให้รัฐบาลแจงตัวเลขให้ชัดว่าผลกระทบเป็นอย่างไร เพราะสภาพเบื้องต้นน่าจะเป็นปัญหากำลังซื้อในตลาดยุโรปที่กระทบกระเทือนถึงที่อื่น แต่ถ้ามีเรื่องสภาพคล่องเข้ามาก็ต้องไปดูว่ารูปแบบที่เหมาะสมในการดูแลจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของนายกิตติรัตน์ ที่มุ่งแต่เรื่องของการใช้เงินเพื่อลงทุน เพราะการกู้เงิน 3.5 แสนล้าน ที่ผ่านมา ก็ยังอนุมัติได้น้อยมาก ดังนั้น รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการเอางานเป็นตัวตั้ง และบอกกับประชาชนว่าจะลงทุนอะไรให้ผลตอบแทนคุ้มค่าอย่างไร จึงค่อยมากำหนดรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมว่าควรเป็นอย่างไร เพราะตนมั่นใจว่า มีเงินงบประมาณหลายโครงการที่ปรับลดได้ เพื่อมารองรับในส่วนนี้ อีกทั้งหลายโครงการก็อยู่ในฐานะที่จะดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนได้

“รมว.คลัง ไม่ควรคิดว่า จะต้องกู้ให้เต็มเพดานหนี้สาธารณะ 60% เพราะไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น และจะไม่เป็นการรอบคอบด้วย เพราะมีความเสี่ยง โดยเห็นได้จากเศรษฐกิจโลก จึงอยากให้รัฐบาลเอางานเป็นตัวตั้ง ถ้ารัฐบาลตั้งเป้าว่าเอาเงินเป็นตัวตั้ง อยากใช้เงินเป็นการบริหารที่ผิด ล่าสุด ฝรั่งเศสมีตัวเลขหนี้สาธารณะสูงถึง 89% รัฐบาลไทยก็ควรเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ และยืนยีนว่า อยากให้ทบทวนนโยบายประชานิยม อยากให้การใช้เงินมีประสิทธิภาพคุ้มค่าจริงๆ เพราะความเสี่ยงในวันข้างหน้ายังมีอยู่แน่นอน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น