รอยเตอร์/เอเอฟพี - ผู้นำจีน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มีมติเห็นชอบให้เปิดการเจรจาว่าด้วยข้อตกลงการค้าเสรีไตรภาคี ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก ณ กรุงปักกิ่ง วันนี้(13) โดยนายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า ของจีน เรียกร้องให้ 3 มหาอำนาจเอเชียประสานความร่วมมือ ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังถดถอย
ปักกิ่ง, โตเกียว และโซล ต่างเป็นคู่ค้าสำคัญของกันและกัน โดยมีมูลค่าเศรษฐกิจรวมคิดเป็นร้อยละ 19.6 ของโลก และมีมูลค่าการส่งออกระหว่างกันคิดเป็นร้อยละ 18.5 ในปี 2010 ตามผลศึกษาความเป็นไปได้ของการทำข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งรัฐบาล 3 ประเทศเผยแพร่เมื่อปลายปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 ชาติยังคงเผชิญอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ความไม่ไว้วางใจทางการเมือง, กำแพงการค้า และนโยบายด้านการลงทุนที่แตกต่างกัน
“ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและเอเชียตะวันออก ยังเต็มไปด้วยปัจจัยที่ไม่แน่นอนและคาดเดาไม่ได้... วิกฤตการเงินระหว่างประเทศยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ภาวะหนี้สินของยุโรปก็ยังไม่มีความชัดเจน” เวิน กล่าวต่อที่ประชุม ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี โยชิฮิโกะ โนดะ แห่งญี่ปุ่น และประธานาธิบดี ลี เมียงบัค แห่งเกาหลีใต้ เข้าร่วม
ทั้ง 3 รัฐบาลมีแผนรับมือกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ โดยจะเปิดเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ซึ่งถูกเสนอมานานนับสิบปีแล้ว
“เราพยายามสานความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในระดับสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์แห่งชาติ... ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีใต้ จะเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญยิ่งของยุทธศาสตร์ดังกล่าว” โนดะ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ก่อนจะเริ่มการประชุมในวันนี้ (13)
สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า ผู้นำทั้ง 3 ชาติยังเห็นพ้องเรื่องข้อตกลงการลงทุนไตรภาคี ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเจรจาเพื่อบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงเขตการค้าเสรีต่อไป
จีน เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรีระหว่าง 3 ชาติอาจทำให้มูลค่าจีดีพีของจีนเพิ่มขึ้นถึง 2.9%, ญี่ปุ่น 0.5% และเกาหลีใต้ 3.1% ซินหัวรายงานโดยไม่อ้างอิงที่มาของการประเมิน
อย่างไรก็ตาม จีนยอมรับว่าการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าเสรีกับโซลและโตเกียว อาจไม่ใช่เรื่องง่าย
“บทสรุปของผลการศึกษาความเป็นไปได้ในปี 2011 และข้อตกลงด้านการลงทุน 3 ฝ่ายซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นแล้วนั้น เปิดโอกาสให้เราเริ่มต้นเจรจาเอฟทีเอ แต่นั่นยังเป็นเพียงก้าวแรกบนหนทางเจรจาที่ยาวไกล” ซินหัว เผยในบทวิจารณ์ วันนี้ (13)
“ความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมืองคือสิ่งจำเป็นที่สุดในภูมิภาคอันเปราะบางนี้ ไม่เพียงในด้านการเมือง แต่รวมถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจด้วย”
ญี่ปุ่นและจีนยังมีข้อพิพาทว่าด้วยอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ ขณะที่โซลและโตเกียวเรียกร้องให้ปักกิ่งเพิ่มแรงกดดันแก่เกาหลีเหนือ ซึ่งก่อภัยคุกคามแก่ภูมิภาคด้วยการพัฒนาและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์