จับตามติ กกต. “อี้ แทนคุณ” ถูก “เก่ง การุณ” ร้องปราศรัยใส่ร้าย “สดศรี” เผยอยู่ในสำนวนร้องคัดค้านล็อตสุดท้าย ระบุหากปราศรัยถ้อยคำลักษณะเดียวกับเก่ง เตรียมลงมติยกคำร้อง พร้อมยันให้ จนท.ตรวจสอบแล้ว กกต.ชุดนี้ไม่เคยแจกใบแดงจากเหตุปราศรัย ขณะเดียวกันเตรียมเปิดชี้แจงข้อกฎหมายวันนี้ (26 มิ.ย.)
วานนี้ (25 มิ.ย.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ได้ไปตรวจสอบการลงมติของ กกต.กรณีที่ปราศรัยใส่ร้ายพบว่า เมื่อปี 48 กกต.ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน กกต.นั้น เคยมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือให้ใบแดงนายธานินทร์ ใจสมุทร อดีต ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น จากกรณีปราศรัยใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.เลือกตั้งปี 40 แต่ใน กกต.ชุดนี้และกฎหมายเลือกตั้งปี 51 ยังไม่เคยมีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.จากเหตุดังกล่าวมาก่อน จนกระทั่งมาถึงกรณีของนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย
“หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า กกต.ชุดนี้เคยให้ใบแดงจากกรณีนี้มาก่อน จึงไม่สบายใจ คิดว่าเราพูดผิดหรือเปล่า เพราะก็ได้พูดไปว่า กกต.ชุดนี้ยังไม่เคยแจกใบแดง ส.ส.จากเหตุการปราศรัยใส่ร้ายเลย จึงให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้วก็พบว่า มีเฉพาะกรณีของนายธานินทร์ ซึ่งเป็นมมติของ กกต.ชุดก่อนหน้านี้ แต่ก็ทราบว่าท่านประพันธ์ (นัยโกวิท) ระบุว่า กกต.ชุดของเราก็เคยให้ใบแดง ส.ส.กรณีดังกล่าวที่ จ.อุดรธานี ก็จะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอีกครั้งว่าจริงหรือไม่” นางสดศรีกล่าว
นางสดศรียังกล่าวด้วยว่า ก่อนที่ กกต.จะมีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายการุณ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.นั้น กกต.เคยพิจารณาสำนวนดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นกกต.เห็นว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เสียงข้างมากจึงมีมติให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเสียก่อน แต่ทั้งนี้จำไม่ได้ว่าในขณะนั้นมีการลงมติของเสียงข้างน้อยอย่างไร แต่เมื่อมีการพิจารณาในวันที่ 19 มิ.ย.นั้น อนุกรรมการฯ ไต่สวนและวินิจฉัย ได้มีความเห็นเสนอกกต.ให้สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายการุณ โดยให้เหตผลว่า แม้อัยการ จะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องก็ตาม แต่กรณีนี้เป็นการกระทำผิดตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ขณะที่ กกต.กทม.ก็เสนอความเห็นให้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าถ้อยคำที่ปราศรัยไม่ได้ระบุชื่อใครหรือพรรคการเมืองใด ซึ่งเมื่อ กกต.ลงมติลับ และฝ่ายสำนักประชุมรวบรวมมติออกมาก็ได้คะแนนเสียงข้างมากสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยนายประพันธ์ ยังมาพูดกับตนเลยว่า “ผมคิดว่าผมเป็นเสียงเดียวที่ให้ใบแดงเสียอีก ”
นางสดศรียังกล่าวด้วยว่า ในการประชุม กกต.ในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการประกาศผลการเลือกตั้งที่เหลืออยู่ ล็อตสุดท้ายให้แล้วเสร็จ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นกรณีที่นายการุณ ร้องนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 12 กทม.พรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีปราศรัยใส่ร้ายเช่นเดียวกัน แต่ตนยังไม่ทราบว่าถ้อยคำที่นายแทนคุณ ปราศรัยแล้วถูกร้องว่าเป็นการใส่ร้ายนั้นเป็นอย่างไร หากเป็นถ้อยคำลักษณะเดียวกับที่นายแทนคุณร้องนายการุณ ตนก็ต้องลงมติเช่นเดิมคือยกคำร้อง แต่ในส่วนของกกต.คนอื่นๆไม่สามารถบอกได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสำนักประชาสัมพันธ์ กกต.ได้แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้ (26 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. นางสดศรีจะชี้แจงเพิ่มเติมในประเด็นข้อกฎหมายกรณี กกต.มีมติแจกใบแดงนายการุณด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้กรณีการลงมติในคำร้องที่นายการุณร้องนายแทนคุณนั้น น่าจับตาว่า การลงมติของ กกต.จะเกิดปัญหา หรือมีความแตกต่างของเสียงที่ลงมติหรือไม่ หากถ้อยคำที่นายแทนคุณปราศรัยมีลักษณะเดียวกับที่นายการุณปราศรัยและ กกต.ให้ใบแดง เนื่องจากนายประพันธ์ ที่เป็นเสียงข้างมากให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายการุณ จะเดินทางไปดูงานที่ประเทศเม็กซิโกตั้งแต่เย็นของวันที่ 26 มิ.ย. และเดินทางกลับในช่วงค่ำของวันที่ 4 ก.ค. ทำให้องค์ประชุมเหลือ 4 คนเช่นเดิม แต่เปลี่ยนมาเป็นนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนฯ เข้าประชุมในครั้งนี้แทน จึงยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาในแนวทางใด หรืออาจจะยังไม่มีการพิจารณาหากมี กกต.คนใด หรือนายสมชัยติดภารกิจอื่น หรือเห็นว่าเรื่องดังกล่าวควรต้องรอให้ครบ 5 คน