xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ซัด “ตู่” ขนม็อบแดงคุกคามศาล รู้ดีผิดเงื่อนไขประกัน “ชวนนท์” ตีปาก “อดิศร” จาบจ้วง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
หน.ปชป.ห่วงกรณี “จตุพร” ขนเสื้อแดงบุกศาล ตำหนิไม่ควรเอามวลชน-พรรคพวกคุกคาม ไม่แปลกใจที่ศาลยื่นถอนประกันเพราะเจ้าตัวรู้ดี ชี้กำลังลากศาลเป็นคู่ขัดแย้งหวังตัดสินคดีตามใจพวกตัวเอง รวมตัวเสื้อแดงหลังแตกคอ ปูทางรื้อระบบตรวจสอบ หวั่นสังคมขาดที่พึ่ง ส่วนโฆษก ปชป. แนะ นปช.เปลี่ยนชื่อเป็น “แนวร่วมสนับสนุนเผด็จการแห่งชาติ” พร้อมซัด “อดิศร” ปราศรัยจาบจ้วง เผยธาตุแท้อยากให้สถาบันเป็นสัญลักษณ์แบบเขมร ชี้คนไทยอยากเห็นคนคิดชั่วถูกจำกัดจากแผ่นดิน


วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ประกาศจะนำคนเสื้อแดงบุกศาลวันที่ 26 มิ.ย.ว่า ไม่ทราบว่าจะไปในรูปแบบไหน แต่ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคดีความ รวมถึงการประกันตัว การถอนประกันหรือให้ประกัน ไม่ควรใช้วิธีการเอามวลชน หรือความเป็นพรรคพวกของผู้มีอำนาจอยู่ในรัฐบาลไปคุกคามกดดันข่มขู่ศาล และโดยข้อเท็จจริงแล้ว รัฐบาลมีหน้าที่คุ้มครองตุลาการให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยอิสระ

ทั้งนี้ ไม่เห็นว่าน่าแปลกใจกรณีการยื่นถอนประกันตัว เพราะนายจตุพรก็ทราบดีว่าได้รับการประกันตัวด้วยเงื่อนไขอะไร และน่าจะทราบดีว่าสิ่งดำเนินการไปขัดต่อเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ ซึ่งตนเป็นห่วง เพราะขณะนี้มีความพยายามลากเอาศาลมาเป็นคู่ขัดแย้ง จึงหวังว่าตุลาการจะไม่หวั่นไหว และเดินหน้าพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องเข้าใจว่ารัฐบาล และกลุ่ม นปช.ก็มีกลยุทธ์สำคัญที่หยิบเรื่องศาลขึ้นมากดดันเพื่อให้การตัดสินคดีเป็นไปตามความต้องการของตัวเอง และหวังที่จะรวมมวลชนเสื้อแดงเป็นเอกภาพอีกครั้ง เพราะเริ่มมีปัญหาความแตกต่างระหว่างคนเสื้อแดงในประเด็นอื่น ที่สำคัญคือเป็นการปูทางไปสู่ความพยายามของรัฐบาลในการลดอำนาจตุลาการเมื่อมีการแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนที่นายจตุพรระบุว่าจะมีการยุบศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายอภิสิทธิ์เห็นว่าทั้งหมดเป็นการเตรียมการปูทางไปสู่การรื้อระบบการตรวจสอบของประเทศ ไม่ให้มีการถ่วงดุลย์ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ

“หากเราให้ศาลซึ่งเป็นองค์กรอยู่เหนือการเมือง ถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้ง จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้สังคมขาดที่พึ่ง ทุกอย่างอยู่ในความขัดแย้งหมด และมีความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้ หากรัฐบาลไม่มีการปรามผู้สนับสนุนของตัวเองในเรื่องนี้ ก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดภาวะเช่นนี้ เพราะผมนึกไม่ออกว่าถ้าคนกลุ่มอื่นทำรัฐบาลจะเพิกเฉยเหมือนตอนนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่าคงมีการดำเนินคดีอย่างหนึ่งอย่างใดทางกฎหมาย ดังนั้นรัฐบาลต้องพิสูจน์ว่าไม่สองมาตรฐาน พอเป็นพรรคพวกตัวเองเป็นมวลชนของตัวเองจะทำอะไรก็ได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีความพยายามทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหายของคำว่าประชาธิปไตย โดยให้แปลความว่าเสียงข้างมีอำนาจที่ไม่มีขอบเขต ซึ่งไม่ใช่หลักประชาธิปไตยในโลกนี้ จึงต้องช่วยกันทำความเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดอะไรสั้นๆ ว่าประชาธิปไตยเป็นเสียงข้างมาก นอกจากนี้ พฤติกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปิดประกาศรายชื่อพร้อมรูปของบุคคลในแวดวงหลายหลายสาขาอาชีพ ก็ต้องถามรัฐบาลในฐานะที่ต้องดูแลประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งควรจะมีสิทธิ์อยู่อย่างสงบ กรณีแบบนี้จะไม่ดำเนินการอะไรเลยหรือ หรือเพราะเป็นคนของตัวเอง จะทำอย่างไรกับกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย และไม่ใช่หลักของรัฐบาลที่มีการบริหารจัดการที่ดีสำหรับคนทั้งประเทศด้วย เพราะภาวะที่เกิดขึ้นเท่ากับคนไทยในสังคมกำลังถูกข่มขู่คุกคาม

ทั้งนี้ ตนไม่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะยอมรับกับสภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งในสังคมทวีความรุนแรงมากขึ้น การลากเอาทุกสถาบันเข้าสู่ความขัดแย้ง การใช้วิธีการเอาพวกจำนวนมากมากดดัน ล้วนเป็นการขยายผลความขัดแย้งสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงทั้งสิ้น การที่รัฐบาลเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง คิดว่ามีพวกมากมาปกป้องรัฐบาลเพื่อผลักดันในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ไม่คิดถึงผลกระทบต่อสังคมและประเทศในอนาคต ซึ่งตนไม่อยากเรียกว่าเป็นสภาพของอนาธิปไตย เพราะไม่เชิงเป็นแบบนั้น แต่เป็นลักษณะการเป็นรัฐที่ใช้อำนาจนอกกฎหมาย ผ่านกลไกนอกกฎหมายมาปกป้องตัวเอง

ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นว่า ต้องไม่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยอีกต่อไป เพราะการชุมนุมมีองค์ประกอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย คือ 1. สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่สัญจรไปมา อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว 2. ชุมนุมโดยมีภาพคนที่มีความเห็นต่างให้คนเสื้อแดงจำหน้าเป็นพฤติกรรมข่มขู่คุกคามคนเห็นต่าง เป็นทฤษฎีตรงข้ามกับการเป็นนักประชาธิปไตย 3. การชุมนุมเป็นเพียงการทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคล บุคคลที่ทำผิดกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอร์รัปชัน ทำผิดอาญาละเมิดอำนาจศาล ทำร้ายประชาชน เป็นเพียงการชุมนุมเพื่อให้คนเหล่านี้มีอำนาจต่อรองให้พ้นผิดไม่มีสิ่งใดเป็นเรื่องประชาธิปไตยแต่ตรงกันข้ามกับหลักประชาธิปไตย และ 4. การชุมนุมเต็มไปด้วยการบิดเบือนหลอกลวง สร้างความขัดแย้งในสังคม เป็นคำพูดของบุคคลที่ต้องการโอกาสทางสังคมในการที่จะเอาเปรียบคนอื่น ใช้โอกาสนี้ข่มขู่ คุกคามประชาชน องค์กรอิสระ สถาบันตุลาการ เอาอำนาจของพวกตนเป็นใหญ่และเอาคำว่าประชาธิปไตยบังหน้าเท่านั้น

“เป็นนักประชาธิปไตยจอมปลอม เอาเสียงประชาชนมาอ้างเพื่อประโยชน์ส่วนตน อ้างเสียงข้างมากไม่ฟังตุลาการ องค์กรอิสระเป็นหัวใจของนักเผด็จการเท่านั้นจึงจะคิดได้ เผด็จการในอดีตเป็นอย่างนี้ มาจากการเลือกตั้งได้เสียงมากเหลิงอำนาจคิดว่าทำได้ทุกอย่าง ไม่ฟังระบบการถ่วงดุลคานอำนาจนี่คือเผด็จการเต็มรูปแบบ ให้เปลี่ยนชื่อจากแแกนนำต่อต่านเผด็จการ เป็นการชุมนุมสนับสนุนแนวร่วมเผด็จการแห่งชาติดีกว่า นอกจากนี้ยังมีการพูดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยนายอดิศร เพียงเกษ ถึงขนาดบอกว่าฝันจะเห็นสถาบันเป็นเพียงสัญลักษณ์แบบกัมพูชา ตนจึงไม่แปลกใจทำไมคนเหล่านี้เดินทางไปกัมพูชาบ่อย แต่เป็นเรื่องดีที่เปิดตัวตนออกมา เพราะคนไทยฝันเห็นพวกท่านถูกจำกัดให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทยเช่นเดียวกัน” นายชวนนท์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น