เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ต้องยอมรับว่าในช่วงปิดสภาถือว่าเป็นช่วงที่แต่ละฝ่ายต่างสะสมกำลังเพื่อเตรียมรับศึกใหญ่กำลังจะมาถึงในช่วงเปิดสภาเดือนสิงหาคม ตอนนั้นก็ต้องเจอกับร่าง พ.ร.บ.ล้างผิด ที่พวก “เด็กๆ” ของ ทักษิณ ชินวัตร เสนอคาไว้ในวาระแรก นั่นหมายความว่าเปิดมาก็ต้องเป็นไฟท์บังคับและ “พ่อค้อนปลอม” สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภารอจังหวะอยู่ตลอดเวลาเว้นแต่ฝ่ายโน้นมี “ข้อมูลใหม่” ยังไม่กล้าหยิบขึ้นมาดันต่อ
00 แต่เท่าที่เห็นก็คือระหว่างนี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวแบบ “ใต้ดิน” โดยใช้กลไกรัฐอย่างมหาดไทย ของ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ แจกแบบสอบถามชาวบ้านในกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลให้ไฟเขียวกฎหมายฉบับดังกล่าว นัยว่าเพื่อนำไป “เคลม” ว่านี่ไงชาวบ้านเสียงส่วนใหญ่เอาด้วยแล้ว ได้ทำตามข้อเรียกร้องแล้วว่าให้ไปถามความเห็นรับฟังเสียง เล่นกันแบบ “ศรีธนชัย” ไม่เลิกมันก็น่าเวียนหัว
00 อีกเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดก็ไม่พ้นโหวต รธน.วาระ 3 ซึ่งนาทีนี้เห็นจะต้องกัดฟันรอลุ้นกันเหมือนกันเพราะศาล รธน.ได้กำหนดให้มีการไต่สวนคู่กรณีในวันที่ 5-6 ก.ค.และคาดว่าจะมีการชี้ขาดว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ก็ราวเดือน ส.ค.เช่นเดียวกัน ทั้งสองเรื่องใหญ่ประดังเข้ามาพร้อมกัน มันก็น่าเป็นห่วงการ “สัปยุทธ์”
00 ที่ว่าน่าเป็นห่วงก็คือทั้งฝ่าย ทักษิณ และฝ่ายต้านที่รู้ทัน ดันมี “กำลังไม่ห่าง”กันมากนัก นี่แหละถึงได้บอกว่า “น่ากลัว” เพราะถ้าชนะหรือแพ้กันขาดมันก็ไม่เป็นไร แม้ว่าถ้าพิจารณากันตามความเป็นจริงฝ่าย “รัฐไทยใหม่”ของ “เสี่ยเหลี่ยม” จะยังมีกำลังมากกว่า แต่ขณะเดียวกันอีกฝ่ายหนึ่งก็มีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการ “รู้ทัน” ผลจากความผิดหวังในเรื่องการแก้ปัญหา “ปากท้อง” ทำไม่ได้สมราคาคุย ในส่วนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนข้างหรือไม่ก็อยู่เฉยๆ ส่วนพวกที่อยู่ในประเภท “อดตายไม่ว่าขอช่วยแม้วก่อน” ถือว่าคลั่งเข้าเส้นแล้วเปลี่ยนแปลงยากต้องให้เวลาเยียวยาอีกนาน แต่สังเกตหรือไม่ว่าฝ่าย ปชป.ก็ตีโต้เอาคืนหนักเหมือนกัน มีการเดินสายตั้งเวทีตามหัวเมืองใหญ่เริ่มจากกรุงเทพฯนำทีมโดยคู่หู “อภิสิทธิ์-สุเทพ” เขย่าทุกสุดสัปดาห์ ประกอบกับมี “ทีวีสีฟ้า” นำร่องปูฟื้นมาก่อน มันก็ทำให้เกิดกระแสตื่นตัวมากขึ้น ทำให้กำลังของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นมาทุกวัน
00 กลายเป็นว่า คนเสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตยไปแล้วหรือ ล่าสุดก็มีการจัดงานรำลึก 80 ปี ปชต. แต่เนื้อแท้แล้วนี่คือการ “ซ้อมใหญ่” เพื่อข่มขู่ศาล จากเรื่องที่สนง.ศาลรธน.ร้องให้ศาลอาญาถอนประกัน “หัวโจก” อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ หรือก่อนหน้านั้นที่รับคำร้องเรื่องการแก้ไข รธน.ว่าล้มล้างการปกครองหรือไม่ ทำให้ตารางเวลาที่วางไว้ต้องสะดุดเกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาทันที ดังนั้นการชุมนุมดังกล่าวมองอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเจตนาข่มขู่ตุลาการให้หวั่นไหวเท่านั้น
00 สะท้อนให้เห็นว่าการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของ นาซา สหรัฐฯที่ถูกต่อต้านสาเหตุมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า “ความไม่ไว้วางใจ” ของของรัฐบาล และคนที่อยู่เบื้องหลังที่คอยชักใยสั่งการ โดยเฉพาะคนที่เป็นรมต.ตั้งแต่ รมว.ต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กลาโหม พล.อ.อสุกำพล สุวรรณทัต และ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ปลอดประสพ สุรัสวดี คนพวกนี้ไร้เครดิต ส่วนนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเอไม่รู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว และพฤติกรรมที่ผ่านมามันก็ฟ้องทำให้สงสัย ระแวงเป็นธรรมดา ดังนั้นคำขู่ที่ว่าหากภายในวันที 26 มิ.ย.นี้ไทยไม่มีคำตอบสหรัฐก็จะถอนออกไป ก็เชิญเลย แล้วไปให้ไกลๆด้วยนะ ขอบอก !!