“อภิสิทธิ์” ยืนยัน “สุเทพ” พูดความจริง “แม้ว” ส่งคนทาบทาม เพราะเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว อีกทั้งคนอื่นในพรรคก็เคยพูดให้ฟังเช่นเดียวกัน เตือนตอนนี้รัฐบาลพยายามสร้างความชอบธรรมให้ พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อเข็นผ่านสภาให้ได้ ด้วยการจัดฉากออกฟังความเห็นประชาชน หรือหลอกให้เซ็นเอกสาร แนะช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าตกเป็นเหยื่อ
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่สวนชมน่าน จังหวัดพิษณุโลก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยบนเวที “เดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้างผิดคนโกง” ว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามทุกวิถีทางเพื่อไปสู่เป้าหมายขอให้ตัวเองไม่ติดคุก แล้วถ้าไม่ติดคุกแล้วก็จะได้คิดเอาเงิน 46,000 ล้านไปเป็นของตัวเองอีก และถ้าได้เงินคืนแล้วก็ค่อยคิดถึงเรื่องของการที่จะมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเล่นการเมือง แล้วก็คงมีเป้าหมายเบื้องต้นเป็นนายกรัฐมนตรี
แล้วก็ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ถ้าไปถึงจุดนั้นแล้วจากเดิมที่บอกว่า เคยสำนึกผิดในบางเรื่อง วันนี้ก็หลุดออกมาแล้วเพิ่งไปให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศบอกถ้ากลับมาเป็นนายกฯ นั้นจะทำทุกอย่างเหมือนเดิม
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า นายสุเทพเปิดเผยให้ทราบว่า ในขณะที่จะยื่นกฎหมายขณะที่มีการปลุกระดมมวลชน ก็ยังมีความพยายามในการหาวิธีการอื่นอีก เช่น ส่งคนมาทาบทามให้ไปเจรจาให้พรรคประชาธิปัตย์ ตนยืนยันว่า นายสุเทพไม่พูดเท็จ เพราะถ้าพูดเฉพาะที่มีนบุรี เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตนคงต้องสงสัยเหมือนกันว่าอยู่ดีๆ เอาอะไรมาพูด แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า นายสุเทพเล่าให้ฟังถึงความพยายามในการติดต่อในเรื่องเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญก็คือว่า ไม่ใช่นายสุเทพคนเดียว มีคนอื่นๆ ที่อยู่ในพรรคที่ใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยมารายงานให้ทราบถึงแนวคิดที่จะมีการเจรจาแบบเดียวกัน
ฉะนั้นตนจึงกล้าพูดได้ว่า ไม่ใช่นายสุเทพหงุดหงิดนึกสนุกกุเรื่องเล่นๆ ขึ้นมา เพราะก็ไม่มีนิสัยอย่างนั้น แต่เป็นเรื่องที่ตนรับรู้รับทราบ มีการรายงาน ถึงขั้นที่ว่าตนเชิญผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคมาประชุม เพราะเกรงว่าถ้ามีการติดต่ออย่างนี้มากๆ เข้า เดี๋ยวคนในพรรคสับสนหวาดระแวงว่าทำไมผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค คนนั้นคนนี้มีการไปพูดคุยกับฝ่ายพรรคเพื่อไทย แล้วจะไขว้เขวไปหรือไม่ในแนวทางต่างๆ แล้วในที่สุดพอประชุมกันก็เป็นเสียงเอกฉันท์ว่า ใครจะมาติดต่ออย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจุดยืนชัดเจน ไม่ประสงค์ที่จะเข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่พร้อมเป็นฝ่ายค้านต่อสู้เคียงข้างพี่น้องประชาชนเพื่อความถูกต้อง เพราะฉะนั้นนี่คือแนวทางที่ชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาโวยวาย โวยวายพวกที่โวยวายบอก ไม่อยากร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ไม่ว่ากัน ตนก็ไม่ได้อยากร่วมกับเพื่อไทยเช่นกัน
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการนัดชุมนุมของเสื้อแดงวันที่ 24 มิถุนายนว่า พรุ่งนี้ที่บอกจะซ้อมใหญ่ก็จะอ้างเป็นเรื่องอุดมการณ์ อิงกับว่าวันพรุ่งนี้ 24 มิถุนายน ครบรอบเปลี่ยนแปลงการปกครอง 80 ปี จะจัดเวทีใหญ่จัดไป ตนไม่รู้ว่าจะไปปลุกระดมอะไรอีก แต่ถ้ามาตรฐานเหมือนกับที่จัดที่ดอนเมืองเมื่อวานนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าว่า 80 ปี ผ่านไปนักการเมืองไทยบางพวก ถอยหลัง แย่กว่าเดิม เพราะไม่มียุคไหนหยาบคาย ไร้สาระแบบนั้น
ตนต้องย้ำอีกครั้ง 2 เรื่องหลักของยังไม่จบ เรื่องแรก เรื่องรัฐธรรมนูญ ปิดสมัยประชุมไปขณะนี้ศาลก็กำลังจะมีการไต่สวน พิจารณาเพราะมีคนไปร้องว่า การพยายามที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญด้วยการยื่นแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 291 หรือจะเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่น ๆ ในสังคมนั้นเข้าข่ายตามมาตรา 68 หรือไม่ ซึ่งแทนที่จะได้ยินพรรคเพื่อไทยผู้เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญออกมาพยายามอธิบายถึงเหตุ ถึงผลต่างๆ กลับได้ยินการไปตั้งเวทีขู่ศาลรัฐธรรมนูญ แกนนำเสื้อแดงพยายามจะบอกว่าศาลต้องตัดสินให้ดีนะ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองจะมีปัญหา เขาไปตั้งเวทีที่มีนบุรีบอกว่า ถ้าศาลตัดสินไม่ดี ไม่ดีของเขาคือไม่ถูกใจ เขาก็จะมายึดกรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง ท่านประธานศาลเมื่อวานถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า ด้วยประสบการณ์ของท่านในวงการตุลาการ คดีนี้เป็นคดีที่แปลกมาก จำเลยไม่คิดต่อสู้โจทก์ จำเลยคิดต่อสู้ศาล
เราจะเอาระบบอย่างนี้หรือ ถ้าเราปล่อยระบบอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะไม่มีทางได้รับความยุติธรรมในสังคม กลายเป็นใครเสียงดัง ใครพวกมาก ใครมีอำนาจก็สามารถข่มขู่คุกคาม ผิดก็เป็นถูก ถูกก็เป็นผิดได้ ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนยอมอย่างนั้นได้ สหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดี เลือกตั้งมาจากคนทั้งประเทศโดยตรง ยังต้องอยู่ภายใต้ศาลสูงสุด ที่สามารถชี้ได้ว่าการกระทำการออกกฎหมายนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ เขาไม่มาบอกหรอกว่ามีเสียงมากี่ล้านเสียง ผู้พิพากษากี่คนจะมาใหญ่กว่า เพราะเขารู้ว่า มันมีการแบ่งแยกอำนาจ ถ่วงดุล ตรวจสอบ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศจริงๆ ไม่ใช่ระบบพวกมากลากไป หรือพวกมากทำอะไรก็ได้
ดังนั้น เรื่องรัฐธรรมนูญนี้จึงยังเป็นปมที่พวกเราทุกคนต้องเป็นกำลังใจให้ศาลนั้นดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ท่านจะวินิจฉัยอย่างไร ถูกใจหรือไม่ถูกใจ เราต้องยอมรับ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหลายเรื่องไม่ถูกใจประชาธิปัตย์มาแล้ว แต่เราก็ยอมรับเพราะเราต้องรักษาระบบ และเห็นว่าระบบสำคัญกว่าตัวเรา ถ้าเรารักษาแนวทางอย่างนี้ให้กำลังใจตุลาการ งานต่าง ๆ ของบ้านเมืองมันก็จะเดินได้
ถัดมาก็เรื่องกฎหมายล้างผิด 4 ฉบับ ตกลงอะไรก็ไม่ผิดทั้งนั้น เผาบ้านเผาเมือง จะศูนย์การค้า ศาลากลาง ไม่ผิด เอาเงินงบประมาณต้องไปซ่อมแซมเยียวยา ไม่รู้กี่พันล้าน ก็จะสูญเปล่าไปไม่ต้องมีใครรับผิดชอบ มีการฆ่า มีการเอากำลังมา มีการปาระเบิด มีการยิง M79 ยิง RPG ก็ไม่ต้องรับผิด อย่างนี้คือสิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมายที่เขาเรียกว่าเป็นกฎหมายปรองดอง แล้วก็พ่วงแถมเข้าไป ขาดไม่ได้ตกหล่นไม่ได้ เรื่องของนายใหญ่ นอกจากบรรดาความผิดที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมขัดแย้งทางการเมือง ขอพ่วงพวกที่ถูกศาลลงโทษในคดีทุจริต ที่เริ่มต้นมาจากการทำงานของ คตส. ก็คนได้ประโยชน์สูงสุดก็ไม่ใช่ใครหรอก ก็พ.ต.ท.ทักษิณ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ขณะนี้เขารอสภาเปิดมาในวันที่ 1 สิงหาคม ถ้าการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปตามปกติ นั่นหมายความว่า เรื่องแรกที่จะต้องพิจารณากันในการประชุมครั้งแรกของสภาผู้แทนราษฎร ก็คือกฎหมาย 4 ฉบับนี้ เพราะเขาเลื่อนขึ้นมาจ่อเอาไว้ กลายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการทำงานของรัฐบาล เป็นไปได้อย่างไร พี่น้องประชาชนเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน ที่วันนี้นายสุเทพบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้มาไล่รัฐบาล ไม่ได้มาไล่คุณยิ่งลักษณ์ ถ้าจะไล่คือไล่ให้ไปทำงานให้ประชาชนสักที อย่ามัวทำอย่างอื่นอยู่
ตนจะเตือนพี่น้องอะไรบางอย่าง วันนี้มีข่าวว่า ข้อแรก แทนที่จะหาคนกลางมาจัดเวที เขากลับมอบหมาย ส.ส. ข้าราชการ บรรดาบุคคลที่มีตำแหน่งทั้งหลาย ในรัฐบาลบ้าง ในราชการบ้าง เป็นคนไปสอบถามความคิดเห็นของประชาชน เพราะฉะนั้นพี่น้องต้องดูพวก ส.ส. ทั้งหลายพรรคเพื่อไทยที่เวลาน้ำท่วมแล้วไม่โผล่มา แต่วันนี้จะโผล่มาขอความเห็น ต้องรู้ทันว่ากำลังจะมาหาความชอบธรรมให้กับกฎหมาย 4 ฉบับ ผิดหลักข้อแรกไปแล้ว ไม่เอาคนกลางมาทำ ข้อที่ 2 เขาจะไปพูดคุยกับคนที่รู้ว่าสนับสนุนฝ่ายเขา คงไม่มาถามแถวนี้ยิ่งพวกโพกหัวสีฟ้าแบบนี้เขาไม่มาคุยด้วย
สำคัญที่สุดตอนนี้เริ่มมีเอกสารคล้ายแบบสอบถาม หรือแบบฟอร์มที่จะให้ประชาชนเซ็น แล้วบอกว่าสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.... สุดท้ายพอ 1 สิงหาคม เขาก็จะบอกว่าจากการไปประชาพิจารณ์ สานเสวนา พูดคุยกับประชาชนพบว่าประชาชน 90 กว่าเปอร์เซ็นต์บอกให้ออกกฎหมายปรองดอง
พวกเราจึงต้องเอาความจริงเหล่านี้ไปบอกพี่น้องประชาชนทั้งหลายว่า 1. อย่าเป็นเหยื่อของกระบวนการตรงนี้ และ 2. ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ชุมชนไหน ตำบลไหน หมู่บ้านไหน อำเภอไหน มีการกระทำแบบนี้ ให้บอกพวกเรา จะได้เปิดโปงให้รู้ว่ากำลังมีความพยายามอ้างความชอบธรรมจากประชาชน ไปออกกฎหมายล้างผิดให้กับคนทุจริตโกงชาติ และพวกก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง
เพราะฉะนั้นวันนี้มาฟังแล้ว มีการบ้านติดตัวกลับไป ไปตรวจสอบ สำรวจตรวจสอบ เป็นหูเป็นตาและไปเผยแพร่ความจริงเหล่านี้ให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนของท่าน ในหมู่บ้าน ในตำบล ในอำเภอของท่านและพี่น้องทั่วประเทศ มิเช่นนั้นแล้ว วิกฤติใหญ่รออยู่ต้นเดือนสิงหาคม ที่เขาจะพยายามผลักดันเรื่องนี้อ้างมวลชน แล้วก็จะมีการปลุกระดมอย่างเช่นที่กำลังตั้งเวทีของเสื้อแดงมาจะล้อมศาล ล้อมสภา เพื่อที่จะผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้ได้
ตนจึงฝากไปยังรัฐบาลว่า คุณเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี บอกว่าคุณมีนโยบายให้บ้านเมืองสงบปรองดอง คุณต้องไปไล่ดำเนินคดีกับคนที่กำลังข่มขู่คุกคามตุลาการ ข่มขู่คุกคามประชาชน ถ้าคุณทำ คุณจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่า คุณเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยอย่างแท้จริง แต่ถ้าคุณไม่ทำ เพียงเพราะคนที่ทำผิด คนที่กำลังทำตัวเป็นอันธพาลครองเมือง เป็นพวกคุณ นั่นหมายความว่าคุณเป็นได้ก็เพียงเฉพาะนายกรัฐมนตรีของคนพวกนั้น