ผบ.พลปืนใหญ่ที่ 2 จีน พบ รมว.กห. คาราวะสัมพันธ์ทางทหาร ด้านทูตมะกันพา ผช.รมว.กต.โผล่หารือต่อ “สุกำพล” เผยทัพมังกรขอแจมตั้งศูนย์ภัยพิบัติด้วย แต่ปัดถกเรื่องนาซา ระบุ สหรัฐฯ ไม่เร่งไทยอนุมัติ โอดเสียดายถ้าเขาไปทำที่อื่น การันตีไม่มีอะไรแฝง อ้างถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ต้องคบกับใคร สวน “ประสงค์” คิดนิดนึง ซัดขีปนาวุธจะแบกมายังไง ไม่มีหรอก ทำขึงขังถ้าละเมิดข้อตกลงก็ยกเลิกได้ ลั่นไว้ใจกันบ้าง ไม่ใช่คนขายชาติ เชื่อสัญญาเปิดเผยได้
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 10.30 น. พล.อ.จิ้ง จื่อ หยวน (Gen. Jing Ziyuan) สมาชิกกรรมาธิการทหารกลางสาธารณรัฐประชาชนจีน (สปจ.) และ ผบ.กองบัญชาการทหารปืนใหญ่ที่ 2 กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน พร้อมคณะ เข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะหารือข้อราชการ และ กระชับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศ จากนั้น เวลา 11.00 น. นายแอนดรู แชปพิโร่ (Mr. Andrew Shapiro) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ด้านการเมือง การทหาร ของสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วย นางคริสตี้ เคนนี่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบเป็นคณะต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียง"พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต"
ภายหลังการหารือ พล.อ.อ.สุกำพล เปิดเผยว่า ในการเข้าพบคณะของจีนได้คุยเรื่องการจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (HADR) ซึ่งเราบอกว่าไม่มีปัญหา และจีนสามารถเข้าร่วมได้ เพราะการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ไม่ใช่เฉพาะแค่ไทยกับสหรัฐฯ เท่านั้น อีกทั้งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการพอสมควร เพราะเราต้องฝึกคอบร้าโกลด์ ซึ่งทางกองทัพจีนมีส่วนร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่แล้ว ถ้าประเทศไหนจะเข้าร่วมด้วยก็ยินดี ความจริงเราขอสหรัฐฯ ไปเองตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมปีที่ผ่านมา ต่างชาติเข้ามาช่วยมาก และไม่มีแบบฉบับอะไร แต่ต่อไปถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นในเขตนี้อีกทีจะต้องมีการตั้งกติกาขึ้นมาเป็นสากลที่ทุกชาติยอมรับ หากจะเข้ามาช่วยในไทยต้องทำอย่างไรบ้าง ด้วยความรวดเร็ว และความเข้าใจเสมอกัน ทั้งนี้ จีนไม่ได้ถามเรื่องนาซา เพราะเขาเข้าใจ
รมว.กลาโหม กล่าวว่า ส่วนกรณีของนาซานั้น คณะของผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ และทูตสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ชัดเจนแล้ว เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะตัดสินใจในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ สหรัฐฯ มาเยี่ยมปกติ พูดเรื่องความสัมพันธ์ทั่วไป ไม่ได้เร่งเรื่องของนาซาเพราะไม่ใช่หน้าที่ของเขา ทางสหรัฐฯ ไม่พูดมากเหมือนไทย เขาพูดทีเดียวรู้เรื่อง เราพูดกันสิบครั้งยังไม่รู้เรื่อง ทั้งนี้ อย่าไปมองว่าถ้าเรื่องนี้ไม่เข้า ครม.จะเป็นอย่างไร อย่าไปคาดการณ์ไปในทางที่ไม่ดี อย่าไปพูดถึง ส่วนที่สหรัฐฯ ขู่ว่า ถ้าทำเรื่องไม่ทัน ทางนาซาจะไม่เข้ามาใช้อู่ตะเภานั้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ประกาศอย่างชัดเจน และทางทูตสหรัฐฯ ก็ชี้แจงชัดเจนว่า ถ้าเรานำเรื่องเข้า ครม.ไม่ทัน เขาก็เตรียมตัวไม่ทัน เพราะเขามีแผนงานประจำปีเขาอยู่แล้ว ถ้าเราช้า เขาเตรียมตัวไม่ทัน เขาก็คงไปทำที่อื่น ซึ่งก็น่าเสียดาย และก็น่าอาย
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้กดดันไทย อย่าไปมองในแง่ไม่ดี เขามีแผนงานประจำปี ถ้าตรงนี้ทำให้เสียไปทั้งแผนก็ต้องไปที่อื่น อย่ามองว่ากดดัน ทั้งนี้ ยืนยันกับสหรัฐฯ ไม่ได้ว่า จะยื่นเรื่องเข้า ครม.ได้ทันตามกำหนดหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลยืนยัน แต่ส่วนของเราเห็นด้วย เพราะเรารู้ว่ากรณีของนาซา ไม่ได้มีเรื่องความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนคณะทำงานร่วมไทย-สหรัฐฯ กรณีอู่ตะเภาที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการในรายละเอียดนั้น ก็มีคนของกระทรวงกลาโหมอยู่ ซึ่งคงจะเป็นทหารอากาศ และทหารเรือ เพราะทหารเรือเกี่ยวข้องเรื่องสถานที่ ทหารอากาศดูอุปกรณ์ คงจะมีการเสนอกันมาเองในระดับผู้ใหญ่ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีการเรียกประชุมไปแล้ว ซึ่งคณะทำงานมีหน้าที่ประสานกับคนที่จะมาว่าจะทำอะไรบ้างในรายละเอียด เพราะการตรวจสอบได้เกิดขึ้นแล้ว ทางกระทรวงกลาโหมได้ส่งข้อคิดเห็นไปยังเลขาธิการ ครม.เพื่อประกอบการพิจารณาแล้วเช่นกัน ซึ่งสรุปว่ากระทรวงกลาโหมเห็นด้วยที่นาซาเข้ามา ด้านความมั่นคงไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องด้านอื่นเป็นเรื่องที่หน่วยอื่นส่งเข้ามา
“ยืนยันสหรัฐฯ เข้ามาไม่มีอะไรแอบแฝง ถ้ามองแต่ในแง่นี้ก็ไม่ต้องคบใครต่อไปนี้ ห้ามใครมา ไม่ต้องพบใครเลย อย่างกัมพูชา สิงคโปร์ เครื่องบินไม่ได้ลงไป เขาบินเหนือน่านฟ้าตลอด เขายังให้เลย น่ากลัวกว่าไหม ส่วนกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกรงว่าสหรัฐฯ แอบแฝงนำขีปนาวุธนั้น มันจะแบกมายังไง ผมยังไม่เข้าใจ แม้ท่านเคยเป็นซีไอเอเก่า ทหารอากาศเก่า แต่ไม่น่าจะเป็นขนาดนั้น ไม่มีหรอกครับ” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ถ้านาซาไม่ทำตามข้อตกลงเราสามารถยกเลิกการใช้อู่ตะเภาได้ ประเทศไทยมีอธิปไตย ถ้าทำเกินกว่าตกลง เราก็ยอมไม่ได้ เราต้องเป็นตัวของตัวเองในเรื่องนี้ คนเราตกลงไว้เรื่องอะไร ก็ต้องคุยในเรื่องนั้น มั่นใจว่าไม่มีเรื่องความมั่นคง หรือมาซ่อนเร้น ถ้าเราคาดการณ์ และคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วจะเป็นอย่างนี้ แล้วไม่เอาเลยมันไม่ฉลาด เราก็ไม่ต้องมีเพื่อนเลย ไม่ต้องให้ใครเข้ามา ซึ่งเราอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก ส่วนที่กำหนดว่า สหรัฐฯ จะเข้ามาใช้ในงานด้านวิจัย 2 เดือน จะยืดออกไปได้หรือไม่นั้น ทางสหรัฐฯ เขาก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่นมีวงเงิน 30 ล้านเหรียญฯ หากต้องยืดโครงการออกไปมันก็คงต้องใช้เงินอีกหลายล้านเหรียญฯ และเราจะให้เขายืดต่อเวลาหรือไม่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของเราจะตอบได้ สมมติเขาขออยู่ต่อ ก็ต้องพิจารณากันภายหลัง
“ผมเดาว่าเรื่องนาซา เสร็จแล้วก็หายไป อยู่ 2 เดือนแล้วก็หายไป ก่อนจะเข้ามาเหนื่อย คือเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมเข้าใจเรื่องความห่วงใย แต่มากเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ ขอให้ไว้ใจผมบ้างสิ เรื่องความมั่นคง ผมไม่ใช่คนที่จะไปขายชาติ ขายประเทศ คงไม่ใช่จะให้เขามาตั้งขีปนาวุธ อย่าพูดให้ง่าย พูดแล้วคิดนิดนึง พูดแล้วไม่คิดแล้วก็จะเสียหมด วันนี้ผู้สื่อข่าวกับผมรู้เท่ากัน ผมไม่ได้กั๊กอะไรไว้เลย ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับนาซาเขาเลย ส่วนสัญญาจะมีหรือไม่ ตนไม่รู้ เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็น agreement สั้นๆ ระหว่างสองฝ่าย คงเปิดเผยได้ไม่มีปัญหา เพราะเป็นแค่เส้นทางการบิน และมีอุปกรณ์อะไรบ้าง อย่าไปคิดว่าเขาจะซ่อนอาวุธ มีแผนการอะไร” รมว.กลาโหม กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือกับ พล.อ.จิ้ง จื้อ หยวน นั้น ทางจีนไม่ได้มีการสอบถามเกี่ยวกับ นาซา จะขอใช้สนามบินอู่ตะเภา แต่ทาง รมว.กลาโหมของไทยได้ชี้แจงยืนยันว่าจะไม่ยอมให้สหรัฐฯ หรือประเทศใด เข้ามาตั้งฐานทัพ และจะไม่ให้นำอาวุธ ยุทโธปกรณ์ทางทหารเข้ามาภายในประเทศ ทางจีนได้ขอบคุณไทยที่เข้าใจปัญหาของจีน ตั้งแต่กรณีของเกาะฮ่องกงที่ยังไม่ลงตัว ปัญหาพิพาทของหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ซึ่งจีนชื่นชมไทยว่าเป็นมิตรแท้กับอาซียน และเป็นมิตรที่ดีกับจีนโดยตลอด โดยจีนพร้อมให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาจรวดหลายลำกล้องของไทย และการฝึกร่วมระดับกองเรือฟรีเกตของกองทัพเรือสองชาติอีกด้วย