กมธ.งบประมาณซีก ปชป. โวย ขรก.สายแม้วทำตัวแหลกเหลว ซัด “ยรรยง” แอบนินทา ปชป.ไฮยีน่าจ้องขย้ำลูกแกะ แฉเคยถามชุดนักเรียน 91 บาทซื้อที่ไหนกลับตอบไม่ได้ อีกราย “มนัส” อธิบดีการค้า ตปท.เหน็บ “อัมมาร” แก่จะเข้าโลง หลังวิจารณ์นโยบายจำนำข้าว แนะอบรมมารยาท ฉะ “สารวัตรเหยิน” คนสนิท “เหลิม” อดีตจำเลยฆ่าดาบยิ้ม ทำเรื่องของบเพิ่มอีก 2 พัน ล. จาก 3.7 พัน ล. ทั้งที่เรื่องจำนำหอมแดงฉาวโฉ่ ท้ายที่สุดยอมถูกตัดงบฯ
วันนี้ (22 มิ.ย.) นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 แถลงถึงพฤติกรรมของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ในกระทรวงต่างๆ ที่ได้มาเสนอโครงการเพื่อของบประมาณประจำปี 2566 ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อันจะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของข้าราชการประจำ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนบริหารประเทศชาติ ในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่า ตนขอยกตัวอย่าง 3 คนที่มีการกล่าวพาดพิงถึง กมธ.งบประมาณฯ และบุคคลภายนอกที่เป็นนักวิชาการผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญอย่างไม่เหมาะสม คือ นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่พูดจาใส่ร้าย กมธ.งบประมาณฯ เสียงข้างน้อยอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่พัทยาว่า กมธ.ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เสมือนเป็นฝูงหมาป่าไฮยีน่า ที่รุมขย้ำลูกแกะ
ทั้งนี้ ตนขอชี้แจงว่าในที่ประชุม กมธ.งบประมาณฯ มีการซักถามนายยรรยงถึงความล้มเหลวการควบคุมราคาสินค้าบริโภค อุปโภค โดยเฉพาะชุดนักเรียนที่กระทรวงพาณิชย์ระบุราคาที่นำเสนอต่อที่ประชุมว่า ชุดนักเรียนชุดละ 91 บาท ซึ่ง กมธ.งบประมาณฯ ก็ได้ถามว่าไปซื้อที่ไหน เพราะราคาจริงตกชุดละ 300-400 บาท นายยรรยงก็ตอบไม่ได้ แต่กลับมาบิดเบือน เปรียบเทียบ กมธ.งบเสียงข้างน้อยเป็นไฮยีน่า ตนฐานะ กมธ.งบประมาณฯ รู้สึกเสียใจที่ผู้ใหญ่หมายเลข 1 ของกระทรวงพาณิชย์พูดประโยคนี้ เปรียบเทียบ ส.ส.ว่าเป็นหมาป่า แล้วเปรียบตนเองว่าเป็นลูกแกะ ทั้งที่ข้อเท็จจริงลูกแกะควรจะเป็นประชาชนที่ต้องรับเคราะห์ในการซื้อสินค้าราคาแพง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกผู้ผลิต และพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ล้มเหลวในการควบคุมราคาสินค้าโดยสิ้นเชิง
ส่วนรายต่อมาคือ นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาระบุว่าอย่าไปเชื่อถือคำพูดของนายอัมมาร์ สยามวาลา กรรมการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ที่วิจารณ์นโยบายโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ล้มเหลวและมีช่องว่างในการทุจริต เพราะนายอัมมาร์แก่จวนจะเข้าโลงแล้วนั้น ตนไม่อยากเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะออกจากปากอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่ต้องไปเจรจาตกลงเรื่องการค้า ในฐานะตัวแทนของรัฐกับนานาประเทศว่าจะมีคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร และต้องกราบขอโทษนักวิชาการและสถาบันทีดีอาร์ไอที่ถูกกล่าวพาดพิงในที่ประชุม กมธ.งบประมาณฯ โดยไม่มีโอกาสจะชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมทั้งฝากไปถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ขอให้ตักเตือนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้มีคุณสมบัติผู้ดี และประพฤติให้เหมาะสมกับการเป็นข้าราชการ ไม่ใช่รับใช้ฝ่ายการเมือง
นายวัชระกล่าวอีกว่า ส่วนคนสุดท้ายคือ พ.ต.ต.ศรายุทธ์ สกุลมีฤทธิ์ หรือ สารวัตรเหยิน ผู้อำนวยการคลังสินค้า หรือ อคส. ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ส่งให้มาทำหน้าที่นี้ ซึ่ง พ.ต.ต.ศรายุทธิ์เคยตกเป็นจำเลยที่ 4 ในคดีฆ่า ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือ ดาบยิ้ม ผบ.หมู่ แผนก 5 กก.2 ป. ช่วยราชการที่ กก.1 ป. มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่น่าสนใจคือ อคส.ได้งบประมาณในปี 2555 จำนวน 3,763 ล้านบาท แต่ในปี 2556 กลับทำเรื่องของบประมาณเพิ่มขึ้นอีกว่า 2 พันล้านบาท รวมเป็นจำนวน 5,507 ล้านบาท ทั้งที่ผลการดำเนินงานของอคส.ในช่วงปีที่ผ่านมามีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างรุนแรงในเกือบทุกระดับ ยกตัวอย่างได้แก่ โครงการรับจำนำหอมแดงในภาคเหนือภาคอีสาน ที่รับจำนำหอมแดงมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยปล่อยให้หอมแดงสูญหายกว่า 5,000 ตัน และเน่าเสียไปอีกกว่า 4,000 ตัน ซึ่ง กมธ.งบประมาณฯ ได้ขอตัดงบประมาณไม่ให้ตามที่ขอ แต่ ผอ.อคส.ไม่ยินยอม ในที่สุด พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ในฐานะรองประธาน กมธ.งบประมาณฯ จึงเสนอให้มีการปรับลดงบประมาณของ อคส.ลงตามที่ กมธ.เห็นชอบ