xs
xsm
sm
md
lg

ทบ.แจงสลายแดงวัดปทุมวนาราม ชี้ปืนทราโว-เอ็ม16พร้อมกระสุนถูกปล้น ยันมีชุดดำหลบตอม่อบีทีเอส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก
โฆษกกองทัพบกชี้แจง 3 ประเด็น หลัง รอง ผบก.น.6 เบิกความต่อศาล พาดพิงกระสุนปืน .223 หัวเขียว และมีทหารประจำรางรถไฟฟ้า ชี้ เมื่อ 10 เม.ย.53 จนท.ถูกปล้นปืนทราโว-เอ็ม 16 พร้อมกระสุน ไม่นับอาวุธอื่นอีกเพียบ เผย มีชายชุดดำหลบอยู่ตอม่อบีทีเอส แยกเฉลิมเผ่า ใช้ปืนความเร็วสูงยิงทหาร จนมีร่องรอยกระสุน แต่ไม่พูดถึง อีกทั้งทหารไม่ได้วางกำลังบนรางรถไฟฟ้าตลอดแนว เพราะถูกขัดขวาง

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่กองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) ได้แถลงจากกรณีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้พิจารณาไตส่วนคำร้องคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งการไต่สวนอยู่ในขั้นการเบิกความพยานปากแรก และในข้อเท็จจริงจะต้องมีการเบิกความพยานจากพยานอีกหลายปาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ก่อนที่ศาลจะมีข้อสรุป ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจากข้อเท็จจริงจากหลักฐานทีเกิดขึ้น จึงขอชี้แจง 3 ประด็นที่เกี่ยวข้อง โดยมิได้มุ่งหวังจะให้เกิดผลกระทบสถานการณ์บ้านเมือง

ประเด็นแรก ผู้เสียชีวิต 5 ศพ ถูกยิงด้วยกระสุน .223 หัวสีเขียว เป็นกระสุนทีใช้กับปืน เอ็ม 16 และปืนทราโว ที่มีการระบุมีใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยข้อเท็จจริง คือ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืน และกระสุนบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า เป็นอาวุธปืนทราโว 12 กระบอก พร้อมกระสุน .223 หัวสีเขียว จำนวน 700 นัด ปืนลูกซอง 35 กระบอก พร้อมกระสุนยาง 1152 นัด ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางยี่ขัน 15 เม.ย.53 และในวันเดียวกัน เวลา 20.00 น.เจ้าหน้าที่ทหารได้ถูกปล้นปืนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นปืนทราโว จำนวน 13 กระบอก และได้แจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.และวันที่ 15 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืนบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเป็นอาวุธ เอ็ม 16 2 กระบอก และกระสุน เอ็ม 16 อีก 100 นัด ซึ่งปืนและกระสุนที่ถูกปล้นไปเหล่านี้มีหลักฐานว่าได้นำมาก่อเหตุหลายเหตุการณ์

ส่วนประเด็นการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ที่ระบุว่า ไม่พบร่องรอยจากการยิงจากบริเวณด้านล่างขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงการเคลื่อนกำลังทหารขณะนั้น ไม่สามารถผ่านแยกเฉลิมเผ่าเข้าไปได้ เนื่องจากชายชุดดำอยู่บนพื้นราบได้ยิงสกัดเจ้าหน้าที่ไม่ให้มีการเคลื่อนกำลังเข้าไป และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สอบสวนได้สอบทหารได้ให้การเห็นชายชุดดำ ว่า ชายชุดดำได้หลบอยู่บริเวณตอม่อต้นที่ 1 นับจากบริเวณแยกเฉลิมเผ่า (ถนนพระราม 1 ตัดกับถนนอังรีดูนังต์) และได้ใช้ปืนความเร็วสูงยิงเจ้าหน้าที่ สังเกตได้จากกระสุนปืนกระทบตอม่อ และคานปูนของรถไฟฟ้า ซึ่งแตกกระจายและมีฝุ่นตลบจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนสอบสวน และมีภาพถ่ายของรอยกระสุนอยู่บริเวณรถไฟฟ้าสยาม แต่ไม่มีการกล่าวถึง

นอกจากนี้ ประเด็นภาพถ่ายของประจักษ์พยานนำมาให้หลังเกิดเหตุ พบว่า บนรางรถไฟมีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ข้อเท้จจริงเจ้าหน้าที่ทหารวางกำลังอยู่บนรางรถไฟฟ้าจริง แต่การวางกำลังนั้น ไม่ได้วางตลอดแนว เพราะถูกขัดขวางตลอดเวลา และแนวที่วางกำลังไปได้แค่สถานีรถไฟฟ้าสยาม ถึงวัดปทุมวนารามเท่านั้น โดยข้อมูลดังกล่าว ทบ.ได้ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการวุฒิสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและพิจารณาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรม แต่คาดหวังว่า ทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบตามหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ

“เรามาชี้แจงเพราะเป็นในส่วนของประชาสัมพันธ์ เนื่องจากพบข้อมูลที่เสนอเป็นข่าวว่าเนื้อหาเป็นเช่นนี้ เราก็ชี้แจงเพิ่มเติม ไม่อยากให้ปักใจเชื่อหรือเข้าใจผิดในสิ่งที่นำเสนอ ซึ่งเราไม่ได้ไปตอบโต้ใคร แต่พูดในข้อมูลในส่วนของเรา และเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ ผบ.ทบ.แต่เราเห็นว่าเป็นประเด็นที่กระทบต่อกองทัพบก จึงได้ออกมาชี้แจง” พ.อ.วินธัย ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้เข้าเบิกความต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีการเสียชีวิต 5 ศพ ภายในวัดปทุมวนาราม ระหว่างการสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 โดย พ.ต.อ.สืบศักดิ์ เบิกความพาดพิงกองทัพบกอยู่สองประเด็น ได้แก่ กรณีผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย นายสุวรรณ ศรีรักษา ถูกกระสุนปืนยิงขณะต่อแถวเข้าห้องน้ำในวัดปทุมวนาราม, นายรพ สุขสถิต และ นายมงคล เข็มทอง อาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง ถูกยิงขณะยืนอยู่บริเวณประตูทางออกวัด น.ส.กมนเกด อัคฮาด และ นายอัครเดช ขันแก้ว ถูกยิงขณะก้มหลบกระสุนปืนบริเวณเต็นท์ภายในวัด

ทั้งนี้ จากการตรวจพิสูจน์วิถีกระสุนปืน พบว่า ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .223 หัวเขียว ซึ่งเป็นกระสุนที่ใช้กับปืนเอ็ม 16 และปืนทราโวที่ใช้ในราชการทหาร เข้าอวัยวะสำคัญเสียชีวิต โดยวิถีกระสุนเป็นการยิงจากบนลงล่างเท่านั้น ซึ่ง พ.ต.อ.สืบศักดิ์ สอบสวนเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำรางรถไฟฟ้า ให้การว่า มีชายชุดดำยิงปืนขึ้นมาจึงได้ยิงตอบโต้ไป แต่จากการตรวจรอยวิถีกระสุน ไม่พบการยิงจากล่างขึ้นบน อีกประเด็นหนึ่ง พ.ต.อ.สืบศักดิ์ เบิกความว่า ภาพถ่ายของประจักษ์พยานนำมาให้ตนหลังเกิดเหตุ พบว่า บนรางรถไฟฟ้ามีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารประจำจุดเท่านั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านสื่อหลายฉบับ นำมาสู่การชี้แจงของโฆษกกองทัพบกดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น