ตำรวจตามรวบตัวมือยิงตำรวจ สน.บางยี่ขัน เสียชีวิต ขณะขอค้นตัว หลังหนีกบด้านบ้านญาติย่านบางแค ตรวจค้นพบอาวุธปืนสงคราม เครื่องกระสุนอีกเพียบ อ้างที่ทำไปเพราะไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ คิดว่าเป็นแก๊งคู่อริที่มาดักปล้นเงินค่ายานรกที่จะเอาไปให้หัวหน้าแก๊ง ด้านตำรวจแจ้งข้อหาหนัก พร้อมขยายผลถึงเพื่อนร่วมแก๊ง
วันนี้ (14 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สส.บก.น.7 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.น.7 เข้าจับกุม นายบุญญฤทธิ์ ด้วงไพร อายุ 22 ปี สมาชิกแก๊งโอรส ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.สนิท ริ้วทองชุ่ม ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางยี่ขัน ช่วยราชการ กก.สส.น.7 เสียชีวิตภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 28 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.โดยจับกุมได้ภายในบ้านเลขที่ 262 ซอย 7ชุมชนหมู่บ้านพุทธมณฑล แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.ทั้งนี้ จากการตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว พบอาวุธสงครามชนิด M3 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 11 มม.จำนวน 95 นัด และอุปกรณ์เสพยาบ้า 1 ชุด
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้ก่อเหตุยิง ด.ต.สนิท เสียชีวิต ก่อนหลบหนีไป จากนั้นทาง พ.ต.อ.เมธี จึงสั่งการให้ชุดจับกุมลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลคนร้าย กระทั่งทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายบุญญฤทธิ์ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ก่อนที่จะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
รอง ผบช.น.กล่าวต่อไปว่า สำหรับอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้นั้นจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาอีกครั้งว่า ที่มาของปืนได้มาอย่างไร เคยมีการนำไปใช้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนสมาชิกแก๊งโอรสนั้น ก็จะทำการสอบสวนขยายผลว่ามีใครบ้าง และหากพบว่าสมาชิกภายในแก๊งนี้เคยกระทำผิดก็จะคุมตัวมาดำเนินคดี
ด้าน นายบุญญฤทธิ์ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังจะนำเงินค่ายาเสพติดไปให้กับนายตี๋ ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งโอรส แต่ปรากฏว่าผู้ตายเข้ามาตรวจค้นตัว ในขณะนั้นตนคิดว่าผู้ตายเป็นแก๊งคู่อริที่จะมาดักปล้นเงิน ไม่คิดว่าจะเป็นตำรวจจริงจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไปที่สะพานพระราม 8 และโยนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุทิ้งลงแม่น้ำเจ้า่พระยา จากนั้นได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนชื่อนายปอให้ไปรอรับตนที่บนสะพาน ก่อนมาหลบที่บ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านของน้าสาว
“เมื่อผมรู้ข่าวว่าคนที่ผมยิงเสียชีวิตนั้นเป็นตำรวจก็เกิดความกลัว จึงได้ปรึกษากับทางญาติว่าจะขอเข้ามามอบตัว แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน” นายบุญญฤทธิ์กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มมีอาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป