xs
xsm
sm
md
lg

“วิทยา” ตรวจงานสาธารณสุขในพื้นที่ระยอง จี้รองรับผลกระทบจากมาบตาพุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ระยอง เยี่ยมเหยื่อสารเคมีระเบิดในมาบตาพุด จี้ สาธารณสุขจังหวัดให้ความสำคัญผลกระทบจากสารเคมีระยะยาว สั่ง 4 โรงพยาบาลรองรับเหตุฉุกเฉิน และให้ อสม.เฝ้าระวังมลภาวะและมลพิษในพื้นที่ ยกระดับ รพ.มาบตาพุด เป็น 200 เตียงพร้อมแพทย์เฉพาะทาง และดูแลแรงงานต่างด้าว

วันนี้ (18 มิ.ย.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ลงพื้นที่ จ.ระยอง เพื่อตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลระยอง และติดตามการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่ โอกาสนี้ยังได้เข้าเยี่ยมอาการของ นายบุญพึ่ง จิตต์ปลื้ม อายุ 48 ปี เป็นผู้ป่วยรายสุดท้ายใน 394 ราย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สารเคมีระเบิด ภายในบริษัท บี เอส ที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อวันที่ 5 พ.ค.55 ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมพบผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ยังเหลือปัญหากระดูกที่ส้นเท้าแตก ต้องฟื้นฟูต่อเนื่องและมีปัญหาเยื่อแก้วหูทั้ง 2 ข้างทะลุไม่ได้ยิน จะได้รับเครื่องช่วยฟังในเร็วๆ นี้

จากนั้น นายวิทยา เปิดเผยถึงผลการลงพื้นที่ ว่า กรอบงานสาธารณสุขใน จ.ระยอง นอกจากจะดูแลปัญหาการเจ็บป่วยทั่วๆ ไปเหมือนพื้นที่อื่นแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการลงทุนภาคอุตสาหกรรม มีโรงงานประมาณ 2,235 แห่ง มีประชากรแฝงเข้าไปทำงานจำนวนมาก ทั้งคนไทย และแรงงานต่างด้าว รวมทั้งประชาชนพื้นที่ รวมทั้งจังหวัดมีมากกว่า 1 ล้านคน จะต้องให้การดูแลทั้งหมด รวมทั้งยังมีความเสี่ยงจากผลกระทบสุขภาพจากสารเคมีในระยะยาว จึงมอบนโยบายพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาล 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลระยอง โรงพยาบาลแกลง โรงพยาบาลมาบตาพุด และ โรงพยาบาลปลวกแดง ให้สามารถพร้อมรับทั้งภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบตามความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนอย่างเร็วที่สุด

ส่วนในด้านการรักษาพยาบาลได้ยกระดับโรงพยาบาลมาบตาพุดเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง เพื่อดูแลผู้ป่วยที่เกิดจากการประกอบอาชีพ มีแพทย์เฉพาะทาง เพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่อีก 200 กว่าอัตรา และเพิ่มแพทย์อาชีวเวชศาสตร์เป็น 4 คน เพื่อเป็นศูนย์รองรับการส่งต่อผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากสารเคมี และโรคจากการประกอบอาชีพอื่นๆ ซึ่งมีความจำเป็นมาก ขณะเดียวกัน ในด้านการเฝ้าระวังโรคที่เกิดจากการประกอบอาชีพ และมลพิษทางอากาศ น้ำ ดิน ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดูแลสุขภาพประชาชนในชุมชน ทั้งในเขตและนอกเขตควบคุมมลพิษอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบผลกระทบที่อาจมีต่อประชาชน ในปี 2556-2560 กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนจัดบริการตรวจเฝ้าระวังปีละ 50 กว่าล้านบาท ตรวจสุขภาพประชากรปีละ 15,000 คน ในระยะยาวจะหารือการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันผลกระทบ มีการตรวจเชิงลึก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะมีมาตรการให้ลูกหลานแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนซื้อบัตรประกันสุขภาพเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ ในส่วนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตนยังได้มอบนโยบายให้ร่วมเฝ้าระวังตรวจสอบความผิดปกติของมลภาวะ มลพิษในพื้นที่ โดยให้จัดอบรม อสม.ด้านพิษภัยของสารเคมี เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันแก่ตนเองและชุมชน สามารถรองรับเมื่อเกิดวิกฤตฉุกเฉิน ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนโดยรวมด้วย ทั้งนี้ ยังมอบนโยบายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในภาคตะวันออกร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าโอทอป ยกระดับให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพีขั้นต้น รองรับครัวไทยสู่ครัวโลก ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค เนื่องจากโซนนี้มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก หากสินค้าได้มาตรฐานจีเอ็มพีขั้นต้น ก็สามารถวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าได้
กำลังโหลดความคิดเห็น