ข่าวปนคน คนปนข่าว
ความเคลื่อนไหว กระแสข่าวการปรับ ครม.หลังจากนี้เชื่อว่าจะต้องมีออกมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน
เมื่อสภาจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 19 มิถุนายน ไร้เกมห้ำหั่นชิงไหวชิงพริบ การสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันต้องพักยกไปก่อน ก็จะมีเรื่องการปรับ ครม.เข้ามาเป็นประเด็น เนื่องเพราะจังหวะเวลามันได้พอดี
ช่วงปิดสมัยประชุมสภา พื้นที่ข่าวจะเปิดช่องให้ฝ่ายค้านออกมาชำเราผลงานการบริหารอันห่วยแตกของรัฐบาลมากขึ้น ฝ่ายรัฐบาลเองรู้ตัวดีจึงวางคิว วางโปรแกรมกันแบบจัดเต็ม แก้ลำไว้เช่นเดียวกัน
พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเวทีด่าแหลก เพื่อไทย ก็ตั้งคู่ขนานชิงพื้นที่ข่าว พร้อมพยายามพรีเซนต์ผลงานผ่านตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โคลนนิ่งนายใหญ่นักโทษหนีคดี เดินสายออกทัวร์ ครม.สัญจร ฯลฯ เพื่อให้ตัวเองเสนอหน้าอยู่บนทีวี หน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน
กระนั้น ถ้าไม่มีอะไรมาเป็นจุดขาย ไม่มีอะไรมาปั่นผลงาน ก็ส่งซิกปล่อยข่าวเรื่องการปรับ ครม.มากลบกระแสข่าวจากทางฟากฝ่ายค้าน เป็นเล่ห์ฉลาดแกมโกง แต่ค่อนข้างได้ผลชะงัด ปล่อยโผแหย่มาทีข่าวก็ลิ่วปลิวลมไปหลายวัน เรื่องแบบนี้สื่อชอบเอามาไขข่าว ทายปริศนากันแต่ไหนแต่ไรแล้ว
หลายครั้งหลายคราวสื่อเองก็ตกเป็นเหยื่อแบบนี้ เฮ้อ!!
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มันมีอยู่จริง ยิ่งเวลางวดเข้ามาใกล้ครบขวบปี ของรัฐบาล ยิ่งเข้าเค้าไปใหญ่ มีข่าวหนาหูเหลือเกินว่าจะปรับกันเดือนนี้เดือนหน้า และมันต้องปรับแน่ๆ เพราะนี่คือสัญญาณจากนายใหญ่-พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร!!
การปรับ “ครม.ปู 3” น่าติดตามเหลือเกินว่า จะเกิดเป็นปัญหาความขัดแย้งภายในระลอกใหม่ เพราะสำรวจเค้ารางแล้วเห็นหมอกทะมึนยังไงพิกล...
ต้องไม่ลืมว่า วันนี้กลุ่มนักการเมืองระดับซือแป๋ จากบ้านเลขที่ 111 พ้นโซ่ตรวนทางการเมืองออกมาแล้ว หลายคนกระสันอยากเป็นรัฐมนตรีเต็มแก่ เพราะถือดีว่าตัวเองเป็นอดีตรัฐมนตรีหลายสมัย เหนือชั้นกว่าพวกที่นั่งเป็นรัฐมนตรียามนี้หลายขุม
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่เคยได้รับ “สัญญาใจจากนายใหญ่” จะต้องออกมาเย้วๆ สะกิดเตือนไปถึงสัญญาวันวานกันโกลาหลแน่
ไม่นับโควตาจากคนนอกที่งวดนี้ “ยิ่งลักษณ์” พูดให้คนใกล้ชิดฟังว่า ปรับ ครม.ครั้งต่อไปต้องเอาคนมาช่วยทำงาน เอาภาพลักษณ์ดีๆ ทำงานจริงๆ มาเป็นทีมช่วยเหลือ สร้างคะแนนนิยมให้รัฐบาล
นั่นก็ทำให้รัฐมนตรีที่ค้างท่ออยู่ใน ครม. เป็นประเภทหน้าเก่าเหลาเหย่ไร้ผลงาน ต้องถูก “ล้างสต๊อก” ออกไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งนับไปนับมาแล้วก็มากพอดู กลุ่มเหล่านี้หากถูกปรับออกจะเป็นอย่างไร จะเกิดแรงกระเพื่อมภายในหรือไม่ เพราะบางคนก็มีอิทธิพลทางการเมือง มีกลุ่มทุน ไม่ใช่ลิ่วล้อลูกกระจ๊อกธรรมดา
เช่นเดียวกับ “กลุ่มคนเสื้อแดง”ก็จ้องตามเขม็งว่าจะมีตัวแทนของตัวเองร่วมใน ครม.เพิ่มหรือลดลง คงกลายเป็นละครชีวิตฉากใหม่ ร้อนแรงในพรรคเพื่อไทย ที่แก้ไม่ตกจบไม่ลง
ช่วงนี้ที่นายใหญ่มาวนเวียน หลายประเทศภูมิภาคเอเชีย เป็นโอกาสดีให้บรรดาขาวิ่งทั้งหลาย ไปกราบกรานนายใหญ่ โดยแฝงนัยบางอย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จับเครื่องบินกันไปหน้าสลอน ไม่เว้นแม้กระทั่งเสนาบดี
การปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 นั้นมีแน่นอน เพียงแต่ยังเป็นที่ถกเถียงเรื่องจำนวน ปรับเล็กหรือใหญ่ ปรับช่วงใด เอาใครเข้าหรือออกบ้าง ช่วงเวลาว่ากันว่า เรื่องการปรับ ครม.มีคนเสนอทางเลือกไปให้นายใหญ่ พิจารณา
1. ช่วง 15 วันหลังปิดสมัยประชุมสภาฯ 19 มิ.ย.เหมาะแก่การปรับที่สุด 2. ไปปรับช่วงปลายเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคม ดีกว่า แต่ยังไม่มีใครเดาใจนายใหญ่ออก จะเลือกห้วงเวลาช่วงไหน ในการปรับครม.เพื่อต่อลมหายใจให้รัฐบาลน้องสาวตัวเองอีกรอบ
แต่หลังจากเกิดประเด็น ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กรณีความสนามกอล์ฟอัลไพน์ ช่วงที่ยังเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ประกอบกับมีเสียงบ่นดังๆ จาก ส.ส.ให้ได้ยิน ประเด็นการทำงานไม่เข้าเป้า ควรจะใช้โอกาสนี้ปรับเพื่อความเหมาะสม
หลายคนมองว่าหากนายยงยุทธไม่ใช่คนที่ยืนต่อสู้กับพรรคมานานในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยเลือกมองเฉพาะผลงานการทำงานที่ผ่านๆ คงจะถูกปรับออกไปนานแล้ว มันยังติดในเรื่องของความเป็นผู้ใหญ่ที่ยิ่งลักษณ์เองให้ความเคารพนับถือ บวกความจงรักภักดี เลยทำให้ยังเหนียวแน่นใน ครม.เรื่อยมา
เป็นที่น่าจับตาว่าเมื่อเกิดประเด็น ป.ป.ช.ชี้มูลเหตุนี้ขึ้นมา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จะยังเหลือหมวกเพียงใบเดียว หรือหลุดไปทั้งสองใบ ยังต้องตามติดอย่างใกล้ชิด!!
เช่นเดียวกับกรณี คางคกตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.พันธุ์ห่าม หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ้นสภาพความเป็น ส.ส. แม้ในแง่กฎหมาย คุณสมบัติ จริงอยู่จตุพร ยังสามารถเป็นรัฐมนตรีได้ แต่ในแง่จริยธรรมความสง่างาม ยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ว่า ควรแล้วหรือไม่ที่จะกลับมาใหม่ใหญ่กว่าเดิม
แค่มีข่าวจะมาเป็นรัฐมนมนตรี ฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี เพื่อไทย ยังอออกมาขวางสุดกำลัง ขุดย้อนไปคำพูดเก่าก่อน เรื่องหมิ่นสถาบัน “กระสุนพระราชทาน” ยังตามหลอกหลอน ไหนจะเรื่องเบียดบังโควตากลุ่มภาคกลางอีก หากคางคกตู่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย จะเขี่ย ชูชาติ หาญสวัสดิ์ กระเด็นจากเก้าอี้
จากสัญญาณภายใน ที่แกนนำคนเสื้อแดงต่างรับรู้ จากปากนายใหญ่ “รอบหน้า ตู่ได้เป็นแน่” ทำให้ปีกคนเสื้อแดง ดีใจยกใหญ่จะมีไพร่พาสชั้นเป็นเสนาบดีเพิ่มอีกคน นายใหญ่ยังโฟนอินมาตอกย้ำความชัดเจนเรื่องนี้ ขณะเสื้อแดงชุมนุมโบนันซ่า 25 กุมภาพันธ์ “ไม่มีใครเหมาะสมเป็นรัฐมนตรีเท่าจตุพร แต่เป็นเพราะผมรักเขา เลยต้องมีวิธีตอบแทนเขา” ข้อสัญญาใจผูกมัดพันธนาการแน่นหนายากหลีกเลี่ยงตีความเป็นอื่น
แต่ไม่รู้ว่า นาทีนี้ นายใหญ่และวงศ์วานว่านเครือชินวัตร ที่มีส่วนเคาะโผ ครม.ยังคิดเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า เพราะดูเหมือนสถานการณ์จะพลิกเปลี่ยน นายใหญ่เล่นบทนุ่มลดโทนความรุนแรงลง อาจชะลอการนำสายล่อฟ้ามาล่อเป้าเข้ากลางอกน้องสาวตัวเอง
ว่ากันว่า มีทางเสนอผ่าทางตัน 3 ประการ คือ 1. ให้ไปตามคำมั่นเดิม ลดแรงกระเพื่อมเสื้อแดงทั้งบนดินและใต้ดิน 2. ให้ เต้น-ณัฐวุฒิ อยู่ในตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ต่อไป เพราะยังไงก็ถือเป็นโควตาแดงอยู่ดี แม้จะไม่มี “ตู่” แต่ “เต้น” ยังอยู่ หรือ 3. ให้แกนนำแดงคนอื่น ที่ไม่ติดแบล็กลิสต์ขึ้นมาเป็นแทน
เป็นทางเลือกใหม่ที่นายใหญ่นำมาคิดก่อนตัดสินใจ บริหารความขัดแย้งไม่ให้เกิดขึ้นอีกครั้งในหมู่คนเสื้อแดง เหมือนที่ผ่านมาที่เคยเกิดปัญหา โฟนอินว่าด้วยเรื่องพายเรือ-ขับรถขึ้นเขา มาแล้วครั้งหนึ่ง
กระนั้นเมื่อวิเคราะห์เจาะลึกไปถึงการปรับ ครม.ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นอกจากจะไม่สามารถกู้ภาพลักษณ์รัฐนาวายิ่งลักษณ์ได้แล้ว ยังคงหนีวังวนเดิมๆ ไม่พ้น “บุญคุณ-ต่างตอบแทน”
ที่รู้ๆ กันตอนนี้ การปรับ ครม.รอบใหม่ หากเกลี่ยประโยชน์ไม่ลงตัว เชื่อเหลือเกินว่าจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งในเพื่อไทย รอบใหม่อย่างแน่นอน สึกกร่อนกันไปเองโดยไม่ต้องมีใครมาบ่อนเซาะ!!