ประธาน ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ แนะ นายกฯ ติดตามงานแก้ท่วมมากกว่าทัวร์ผักชีโรยหน้า แฉ ขุดคลองยังไม่ได้ทำในหลายจังหวัด จี้ พูดให้ชัดไม่เปิดสภาสมัยวิสามัญดันแก้รัฐธรรมนูญ ขอถอนร่างปรองดองเพื่อสานเสวนา เลิกใช้เสียงข้างมากทำลายนิติธรรม แย้มตั้งเวทีทุกวันเสาร์ วอนเพื่อไทยอย่าจัดชน “ชวนนท์” ฝาก “ปู” ปรามแดงอย่าด่าศาล “บุรณัชย์” ซัดคุกคามสร้างเงื่อนไขกดดัน สับ “เหวง” ขู่ก่อสงครามทำสังคมแตกแยก สวน พท.อย่าหนีซักฟอกแล้วกัน
วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล ว่า อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดตามการทำงานของหน่วยงานต่างๆ มากกว่าการออกไปทัวร์แบบผักชีโรยหน้า เพราะขณะนี้ประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก ยืนยันตรงกันว่า การแก้ปัญหาพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม เช่น การขุดลอกคูคลอง ยังไม่ได้ดำเนินการในหลายจังหวัด พรรคประชาธิปัตย์กำลังรวบรวมข้อมูลคูคลองที่ยังไม่ดำเนินการเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีติดตามการทำงานของหน่วยงานต่างๆ นอกเหนือจากการไปตรวจโครงการแบบผักชีโรยหน้า เพราะในหลายพื้นที่ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไข โดยไม่ควรสอบถามจากข้าราชการประจำ เพราะจะได้ผักชีโรยหน้ารอบสอง แต่ควรสอบถามจากประชาชนในพื้นที่โดยตรง เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ ส.ส.รัฐบาลอยู่แล้ว จึงอยู่ที่นายกฯมีความจริงใจในการแก้ปัญหาน้ำท่วมหรือไม่
นายองอาจ ยังเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศให้ชัดเจนว่า จะไม่มีการเปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ตามที่มีความพยายามผลักดันภายในพรรคเพื่อไทย และขอให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หรือ พ.ร.บ.ล้างผิดคนโกงออกจากสภา ซึ่งจะถือเป็นการเอาระเบิดเวลาออกจากสังคมไทย จากนั้นให้เดินหน้าสานเสวนาตามข้อเสนอของ คอป.และสถาบันพระปกเกล้า เลิกใช้เสียงข้างมากบังคับให้คนปรองดองตามแนวทางของตัวเองที่จะทำลายหลักนิติรัฐ และนิติธรรม ก่อให้เกิดความขัดแย้งทั้งในและนอกสภา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าเปิดเวทีปราศรัย ผ่าความจริง หยุดล้ม รัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายล้างผิดคนโกงทุกวันเสาร์ โดยในสัปดาห์หน้าจะปราศรัยที่พิษณุโลก และขอร้องพรรคเพื่อไทยที่ออกมาระบุว่า จะไปจัดเวทีที่เดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า อย่าตั้งเวทีเผชิญหน้ากัน เพราะเดิมมีข่าวจะตั้งเวทีเผชิญหน้ากับพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้เลือกวันเวลาที่ไม่ตรงกับเวทีของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประกาศล่วงหน้าชัดเจนว่าจะจัดทุกวันเสาร์ โดยยืนยันว่า พรรคการเมืองมีสิทธิพูดจากับประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคของตัวเอง และพรรคประชาธิปัตย์ก็ยึดแนวทางนี้มาตลอดกว่า 60 ปี โดยไมเคยเชิญชวนใช้ความรุนแรง เผาบ้านเผาเมือง แต่จะใช้เหตุผลให้ประชาชนเข้าใจให้ได้มากที่สุด ตามวิถีทางประชาธิปัตย์ และวิถีทางประชาธิปไตย เป็นแนวทางที่พรรคดำเนินการมาตลอดตั้งแต่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำเสื้อแดงหลายคนยังไม่เกิด เป็นแบบฉบับของพรรคมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคแล้ว จึงไม่ใช่การตั้งเวทีตามหลังคนเสื้อแดงตามที่ออกมากล่าวหา
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปรามแกนนำเสื้อแดง ที่ใช้เวทีปราศรัยปลุกระดมประชาชนให้เกิดความเข้าใจผิดต่อองค์กรอิสระ สถาบันตุลาการ แตกต่างจากเวทีพรรคที่ให้ความจริง แต่ของพรรคเพื่อไทยเป็นการให้ความเท็จ ปลุกระดมให้ประชาชนใช้ความรุนแรง ซึ่งหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปโดยไม่มีการตักเตือน เชื่อว่า จะเป็นจุดลงเหวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แน่นอน
ขณะที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์เวทีพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่ใช่เวทีชี้แจงต่อประชาชนถึงแนวทางการทำงานของตัวเอง แต่พบว่า เป็นการปราศรัยเน้นทำลายความน่าเชื่อถือสถาบันตุลาการ ศาล รธน.ปลุกระดมจนอาจนำไปสู่ความรุนแรง คุกคามองค์กรอิสระ เตรียมการไปสู่เป้าหมายสองอย่าง คือ ยุบศาลที่อาจวินิจฉัยเป็นโทษกับตัวเอง เป็นการสร้างเงื่อนไขกดดันศาลล่วงหน้า ก่อนที่ พ.ร.บ.ปรองดองจะเข้าสู่การวินิจฉัยของศาล เพราะมีเนื้อหาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและจะถูกยื่นตีความอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อนำมวลชนไปคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ โดยพยายามปลุกระดมล่วงหน้า ว่า จะมีการยุบพรรคเพื่อไทย ทั้งที่กระบวนการวินิจฉัยยังไม่เริ่มต้น แต่คนของพรรคเพื่อไทย ก็จงใจปลุกระดมคนเสื้อแดงด้วยวาทกรรมที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างคนไทย เช่น กรณีที่นายแพทย์ เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่บอกว่า หากพวกท่านต้องการสงคราม เราจะจัดสงครามให้ จึงเป็นความจงใจสร้างความแตกแยก และยังเป็นการเอามวลชนกดดันคนในพรรคเพื่อไทยที่มีความเห็นแตกต่างกันด้วย
นายแพทย์ บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทย ท้าให้พรรคประชาธิปัตย์ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยกลับไปย้อนดูตัวเอง ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาว่าตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลทำงานเพื่อแสวงประโยชน์ให้พวกพ้อง ทั้งเรื่องถุงยังชีพ การจัดสรรงบประมาณน้ำท่วมที่มีการทุจริต รวมถึงการทุจริตการแก้ปัญหาของแพงและการบริหารราชการที่ล้มเหลวในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง ซึ่งยังไม่รวมเรื่องที่ นายยงยุทธ วิชยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ถูกชี้มูลความผิดในกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ด้วย จึงอยากให้พรรคเพื่อไทย มีความพร้อมในการชี้แจง อย่าปรับ ครม.หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็แล้วกัน
