“ปู” ตรวจแผนป้องน้ำท่วม มั่นใจน้ำหลากปีนี้ไม่โดนสวด

นายกฯ ซ้อมซิงเกิลคอมมานด์ บอกฟังรายแล้วสบายใจ ชี้ต่างจากปีที่ผ่านมาหลังบูรณาการข้อมูล ด้าน “สุพจน์” โวรับมือสบายแม้ปริมาณน้ำมากกว่าปีที่แล้ว พร้อมเตือนน้ำป่าไหลหลากใน 3-6 ชั่วโมง ขณะที่ “ปลอด” ชูนายกฯ ทำงานน้ำสามมิติยกเป็น “ยิ่งลักษณ์โมเดล” บูรณาการหน่วยงาน ตรวจงานด้วยตัวเอง

วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะเดินทางถึงที่ทำการเขื่อนเจ้าพระยา สำนักชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท เพื่อชมการสาธิตการปฏิบัติการ Single Command Center หรือระบบสั่งการรวมศูนย์ ที่มีการเชื่อมสัญญาณมาจากทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนการสาธิตได้เกิดไฟดับราวครึ่งชั่วโมง เมื่อไฟฟ้ามา นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) จึงนำการสาธิต โดยชี้แจงข้อมูลซึ่งปรากฏทั้งในจอแอลซีดีและจอโทรทัศน์ ซึ่งมีทั้งแผนภูมิสภาพภูมิอากาศ ภาพถ่ายจากดาวเทียม ปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก ฯลฯ ที่ใช้ระบบ Realtime หรือข้อมูลจริงในเวลานั้น

ทั้งนี้ นายกฯ สอบถามว่าหากจะมีภัยพิบัติจะใช้เวลาเตือนภัยไปยังจังหวัดนั้นๆ ได้ในเวลา 3 ชั่วโมงหรือไม่ นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) รายงานว่า การเตือนภัยมี 2 แบบ คือ น้ำป่าไหลหลาก จะเตือนใน 3-6 ชั่วโมง และน้ำล้นจากแม่น้ำจะเตือนใน 3 วัน นายสุพจน์ยังกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบปริมาณน้ำฝน ในปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้วร้อยละ 2 แต่ กบอ.ลองสมมติหากเกิดเหตุในกรณีเลวร้ายที่สุด มีปริมาณน้ำ 2.8 หมื่นล้าน ลบ.ม. มากกว่าปีที่แล้ว ที่มีปริมาณน้ำ 2.7 หมื่นล้าน ลบ.ม. แต่จะตกค้างในป่า เขื่อนใหญ่ ทั้งภูมิพลและสิริกิติ์ และแก้มลิงใต้ จ.นครสวรรค์ รวมแล้วเหลือให้บริหารจัดการ 1.2 หมื่นล้าน ลบ.ม. โดยจะให้ไหลลง 3 แม่น้ำหลัก โดยไม่ล้นตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา เดือนละ 3 พันล้าน ลบ.ม. แม่น้ำบางปะกง เดือนละ 400 ล้าน ลบ.ม. แม่น้ำท่าจีนเดือนละ 500 ล้าน ลบ.ม. เดือนหนึ่งระบายได้ 1 หมื่นล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้หากมีกรณีฉุกเฉิน ได้มีการทำพื้นทางน้ำผ่าน หรือฟลัดเวย์ ในกทม. ฝั่งตะวันตก 600 ล้าน ลบ.ม. และฝั่งตะวันออก 400 ล้าน ลบ.ม. แต่คิดว่าปีนี้จะไม่ได้ใช้

นายกฯ ถามว่า ที่พูดมาคิดจากข้อมูลการระบายน้ำเก่าหรือใหม่ ก่อนการขุดลอกคูคลองใช่หรือไม่ ซึ่งนายสุพจน์ยอมรับว่าใช่ นายกฯ กล่าวว่า ได้ฟังอย่างนี้ก็สบายใจ แต่อยากให้ทำโมเดลทั้ง 3 กรณี คือกรณีเลวร้ายที่สุด ปกติธรรมดา และดีที่สุด เพราะมีโอกาสเกิดได้ทุกกรณี จากนั้นนายกฯ และคณะรับฟังการบรรยายการบริหาร flow (การไหล) ของระบบน้ำทั่วประเทศจากนายรอยล จิตรดอน ประธานอนุกรรมการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และจัดสรรน้ำใน กบอ.ที่กล่าวว่า ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล จ.ตากและ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.นครนายก กำลังดูว่าจะปรับทิศทางการระบายน้ำหรือไม่ในปลายเดือนก.ค.นี้ สำหรับพื้นที่น่าเป็นห่วงคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีพายุเข้า ส่วนภาคใต้ ฝนตกมา 2 สัปดาห์แล้ว ส่งผลให้น้ำในเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปริมาณน้ำฝนเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำลายสถิติไปแล้ว โดยสูงถึง 123 มม. ทั้งที่ตามปกติฤดูฝนจะมาในเดือน ส.ค. แสดงว่าฤดูเปลี่ยนไปมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกันนี้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้กล่าวถึงที่มาแผนงานยิ่งลักษณ์โมเดลว่า ที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงาน ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำไม่เคยเอาข้อมูลมลรวมกัน โดยทำไปตามอำนาจของกฏหมาย ไม่เคยเอาข้อมูลมารวมและวิเคราะห์ด้วยกัน และตัดสินใจด้วยกัน

แต่สิ่งเหล่านี่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกดังนั้นจึงเรียกว่า ยิ่งลักษณ์โมเดล พร้อมกันนี้รัฐบาลได้ให้อำนาจคณะกรรมการ กบอ.สูงสุดสามารถอนุมัติงาน สั่งการหน่วยงานใดก็ได้ในประเทศ รวมถึงการตรวจงานด้วยตัวเอาของนายกฯ จากบนลงล่าง และจากล่างมาข้างบน ซึ่งไม่เคยมีใครทำ ดังนั้นสามมิตินี้จึงเรียกว่ายิ่งลักษณ์โมเดล