“อำมาตย์เต้น” ยังยุลงมติแก้รธน.วาระ 3 ต่อในสมัยนี้ อ้างบรรจุระเบียบได้แล้ว บอกเฉยสังคมเห็นตรงศาลไร้อำนาจ ซัดทึกทักเอาเอง ลั่นสภาได้อำนาจจากประชาชนใครขวางไม่ได้ จวกประชาธิปัตย์โยงโจมตีการเมืองอย่างเดียว จี้ “อภิสิทธิ์” หยุดทำตัวเป็นซาเล้งโรคจิต เชื่อไม่มีใครตั้งทีมโทร.ขู่ตุลาการ
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีข้อถกเถียงเรื่องการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ว่า ส่วนตัวเห็นว่ารัฐสภาต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยที่เป็นของประชาชน ไม่ให้ถูกล่วงล้ำจากอำนาจอื่นๆ แม้ว่าจะยืนอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกันในระบอบประชาธิปไตยก็ตาม ตนอยากให้มีการลงมติวาระ 3 แต่ได้รับการอธิบายความว่าประธานรัฐสภาไม่ได้บรรจุวาระการลงมติวาระ 3 แม้ว่าใช้เสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภาเดินหน้าไปได้ แต่อาจเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามสร้างเรื่องสร้างประเด็นให้เป็นปัญหาต่อเนื่องไปอีก ก็เป็นเหตุผลที่รับฟังได้ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าหากจะมีการลงมติวาระ 3 น่าจะดำเนินการก่อนปิดสมัยประชุมนี้ ถ้าไม่โหวตเลยนั้นตนไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ ได้มีการบรรจุระเบียบวาระไว้แล้วอย่างชัดเจน สังคมส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าศาลรัฐธรรมนูญทำโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ ฉะนั้น รัฐสภาควรแสดงความสง่างามโดยการทำให้เกิดความชัดเจน ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่อย่างไรก็เป็นดุลพินิจของประธานสภาฯ เมื่อลงมติเสร็จก็ปิดสมัยประชุมจากนั้นค่อยมาเดินหน้าต่อในสมัยต่อไป ซึ่งรัฐสภาเดินหน้าเรื่องนี้ด้วยความชอบธรรมและถูกต้องตามตัวบทกฎหมาย
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยังเป็นห่วงว่าจะเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่รับฟังคำสั่งศาล นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สำหรับข้อถ้ามองด้วยหัวใจที่เป็นธรรมจะไม่มีข้อขัดแย้ง ศาลรัฐธรรมนูญได้ทึกทักกันเองและใช้อำนาจโดยที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย ตรงนี้ชัด นอกจากว่าใครจงใจสนับสนุนหรือเข้าข้างการดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนที่บอกว่าถ้าดำเนินการอย่างใดแล้วทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเล่นงานได้นั้น ตนคิดว่าปิดทุกทาง แต่อีกฝ่ายก็พยายามเล่นงานอยู่ดี ขนาดรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจก็ยังดำเนินการได้ขนาดนี้ได้ ส่วนที่มวลชนเสื้อแดงต้องการให้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 นั้น คิดว่าเมื่อประชาชนเห็นความจริงทั้งหมดก็อยากปกป้องอำนาจอธิปไตย อยากแสดงให้เห็นว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจรัฐสภา และสภาได้อำนาจมาจากประชาชนคน ก็ไม่ควรมีองค์กรหนึ่งองค์กรใดที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายมาสกัดขัดขวาง หรือยับยั้ง โดยเฉพาะท่าทีที่แสดงออกของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านเป็นท่าทีทางการเมืองอย่างชัดเจน ไม่ได้เป็นท่าทีทางกฎหมาย หรือท่าทีเยี่ยงตุลาการทั่วไป
เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาได้ชี้แจงในพรรคถึงเหตุผลที่ยังไม่ได้บรรจุวาระเพื่อลงมติวาระ 3 หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นายสมศักดิ์ไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรคอยู่แล้ว
“ผมอยากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์เพราะเท่าที่ดูนับวันก็จะไปกันใหญ่ ล่าสุดไปเปิดเวทีปราศรัย พอนายกฯลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมก็บอกว่าจงใจหนี ลอยตัวเหนือสภา มันไม่ใช่ครับ กรณีร่างรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นระหว่างรัฐสภากับศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนนายกฯ ก็ทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร หากไม่ลงไปดูสภาพความพร้อมการรับมือน้ำท่วมสิครับจึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจ แต่เวลานี้พรรคประชาธิปัตย์เอามาปนกันและโจมตีทางการเมืองอย่างเดียว ผมว่านายอภิสิทธิ์กับชาวคณะต้องหยุดทำตัวเป็นซาเล้งโรคจิตเที่ยวไล่สาดน้ำกรดเข้าไปทั่ว พฤติการณ์แบบนี้สังคมมองเห็นแล้วส่ายหน้า แต่ถ้าเห็นว่าเป็นวิถีทางที่ถูกต้องประชาธิปัตย์จะทำในรัฐสภาก็ทำแบบนั้น นอกสภาก็พฤติการณ์แบบซาเล้งโรคจิต ขอให้นายอภิสิทธิ์และชาวคณะหาความสำราญกันต่อไป พรรคเพื่อไทยก็ชอบที่นายอภิสิทธิ์นำพาพรรคแบบนี้ถือเป็นข่าวดีของพวกเรา” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ตุลาการถูกโทรศัพท์ข่มขู่นั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีใครจัดตั้งให้มีการข่มขู่ตุลาการ ซึ่งตนไม่เห็นด้วยและให้ยกเลิกการกระทำ แต่ถ้าอารมณ์ความรู้สึกประชาชนเราจะไปวินิจฉัยไม่ได้ อยากให้ตุลาการได้ทบทวนสิ่งที่ดำเนินการที่ผ่านและบทบาทไปกระทบความรู้สึกประชาชนอย่างไรหรือไม่ แต่ขอให้ประชาชนใจเย็น ใช้ความอดทน อย่าไปข่มขู่คุกคามเลย เพราะเรื่องนี้พูดกันด้วยเหตุผล และแน่ใจว่าตุลาการจะจำนนในหลักการ