xs
xsm
sm
md
lg

พธม.ยื่นศาลวินิจฉัยแก้ รธน. ชี้มติ อสส.สร้างความชอบธรรมให้ตุลาการชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แกนนำพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแก้ รธน. ม.291 ตามอำนาจ ม.68 และ ม.212 หลังอัยการสูงสุดปฏิเสธคำร้อง พร้อมแนบชื่อ 416 สมาชิกรัฐสภา โหวตรับหลักการ ชี้มติ อสส.สั่งยุติเรื่อง สร้างความชอบธรรมให้ตุลาการชัด สับ ส.ส.ขู่ถอด-ตัดงบละเมิดอำนาจ สร้างความเสื่อมต่อนักการเมือง ยันไม่แย้งถ้าวินิจฉัยตีตก

วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ เดินทางมายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ของสภาผู้แทนราษฎร โดยนายปานเทพกล่าวว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ขออาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าผู้ทราบการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองสามารถยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยได้ รวมถึงขออาศัยสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ที่บัญญัติว่าผู้ถูกละเมิดสิทธิ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องเป็นในกรณีที่หาหนทางอื่นแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งในที่นี้คือ กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้ยื่นร้องต่ออัยการสูงสุด แต่กลับถูกปฏิเสธ จึงขออาศัยรัฐธรรมนูญทั้ง 2 มาตรายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้รวบรวมรายชื่อสมาชิกรัฐสภา 416 คนที่โหวตลงมติรับหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 และ 2 ซึ่งถือเป็นการกระทำการล้มล้างการปกครองฯ ดังนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นไปตามคำร้อง ก็ต้องให้ 416 คน หยุดการกระทำดังกล่าว และหากมีการละเมิดคำวินิจฉัย ก็อาจจะมีการเพิกถอนสิทธิและยุบพรรคการเมืองต่อไป

เมื่อถามว่า คำสั่งชะลอการลงมติวาระ 3 ของศาลรัฐธรรมนูญถูกมองว่าเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายปานเทพกล่าวว่า เป็นเพียงความเห็นที่แตกต่างของนักวิชาการ และนักการเมือง แต่ทุกฝ่ายต้องรับฟังกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าผู้เห็นต่างว่าการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่ถูกต้อง คงต้องเปิดใจให้กว้างและหันไปดูการกระทำของอัยการสูงสุดด้วย เพราะอัยการสูงสุดไม่มีอำนาจวินิจฉัย แต่ก็กกลับทำเช่นนั้น ซึ่งก็คงไม่ต้องมีศาลรัฐธรรมนูญ

“ผมเห็นว่าการกระทำของอัยการสูงสุดเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะอัยการสูงสุดไม่ทำหน้าที่ก่อนที่จะมีการลงมติวาระ 3 รวมทั้งยังขยายขอบเขตอำนาจวินิจฉัยรัฐธรรมนูญเอง ไม่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสามารถอ้างการกระทำของอัยการสูงสุดที่ถ่วงเวลาในการตรวจสอบ จึงเป็นความชอบธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญที่จะรับคำร้องของบุคคลต่างๆ เพราะเห็นว่าอัยการสูงสุดไม่ทำหน้าที่” นายปานเทพกล่าว

ส่วนที่มีการล่ารายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และมีกระแสข่าวแปรญัตติตัดงบประมาณของศาลรัฐธรรมนูญ นายปานเทพกล่าวว่า ถือเป็นการละเมิดอำนาจของการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายตุลาการฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ซึ่งทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ถือเป็นฝ่ายเดียวกันที่สามารถฉีกรัฐธรรมนูญ และตัดงบฝ่ายตุลาการได้ อีกทั้งยังเป็นการครอบงำฝ่ายตุลาการให้อยู่ในอำนาจรัฐเพียงผู้เดียว โดยไม่สนใจว่าการกระทำดังกล่าวจะผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และยิ่งทำก็ทำให้เกิดความเสื่อมต่อนักการเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การกระทำเช่นนี้ประชาชนก็ยิ่งเห็นว่าเป็นการลดทอนอำนาจของฝ่ายตุลาการมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อไปในอนาคต

นายปานเทพยังกล่าวด้วยว่า หากที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีนี้ออกมาสอดคล้องกับมติอัยการสูงสุด ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะไม่โต้แย้งใด เพราะถือว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุด และมีผลผูกพันทุกองค์กรของรัฐ ดังนั้นเมื่อมีคำวินิจฉัยออกมา กลุ่มพันธมิตรฯ ก็พร้อมเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นอื่นที่ส่อไปในทางที่ขัดรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะหาช่องทางอื่นในการดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ไปยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อทวงถามและขอมติของอัยการสูงสุดในกรณีนี้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะเห็นว่าการที่อัยการมีมติว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ไม่เป็นการล้มล้างการปกครองฯ ถือว่าอัยการฯ ทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ และการไม่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญเช่นกัน ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะได้ดำเนินการตามช่องทางกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น