"อภิสิทธิ์" ยัน"นช.แม้ว"โกงทั้งโคตรจริงๆ ซัด รบ.หมกเม็ดทำทุกเรื่องมุ่งช่วยทักษิณ ปลุก ปชช.รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เชื่อทักษิณไม่หยุดป่วนจนกว่าจะพ้นคดี ได้ 4.6 หมื่นล้านคืน และได้สิทธิทางการเมืองกลับคืน เย้ยใครเชื่อลมปากแม้วก็บ้าแล้ว
วันที่ 10 มิ.ย. ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (วงเวียนใหญ่) เวทีเวทีเดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ-ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง ครั้งที่ 2 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คราวที่แล้วปราศรัยที่ลานคนเมือง ก็มีคนโวยวายจะไปฟ้อง เข้าใจว่าจะโดนข้อหาล้อเลียนเจ้าพนักงาน เพราะว่าเป็น “จ่า” มาก่อน ตนถูกฟ้องอยู่คดีหนึ่งกำลังรอโจทก์ซึ่งก็อยากให้กลับมาซักที เมื่อครั้งที่ตนไปปราศรัยช่วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ในการเลือกตั้งที่ จ.ตรัง ปรากฎว่าโดนข้อหาหมิ่นประมาทที่ไปบอกว่ารัฐบาลในขณะนั้น เขาว่ากันว่าเป็นรัฐบาลที่โกงทั้งโคตร แต่ว่าคนฟ้องนั้นยังไม่กลับมาเมืองไทย ผมก็รออยู่เพราะว่าผมจะได้พิสูจน์ต่อศาลว่าโกงทั้งโคตรจริง ๆ
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องยากที่ประชาชนธรรมดาจะเข้าใจความเกี่ยวพันของกฎหมาย 4 ฉบับ ล้างผิด ทั้งคนจลาจล คนโกง ไหนจะเรื่องของรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีประเด็นใหม่ขึ้นมาในเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันมีกระบวนการที่เข้าไปทั้งแทรกแซง ทั้งแทรกซึม แล้วก็ใช้ทุกวิถีทางในการที่จะให้การนำเสนอข้อมูลนั้นเป็นไปในทางเดียวเหมือนกันหมด ต่างจากที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เราเปิดพื้นที่สื่อให้กับฝ่ายค้านเพราะเราถือว่านั่นเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย เราไม่ไปเอาเรื่องเอาราวกับคนที่ออกรายการ เราไม่ไปสนใจว่าใครจะใช้สิทธิ์ในการสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน แล้วไปใช้อำนาจรัฐในการข่มขู่คุกคาม
รัฐบาลไม่พอใจศาลรัฐธรรมนูญ ก็ส่งคนออกมาให้สัมภาษณ์ตำหนิศาลรัฐธรรมนูญฝ่ายเดียว ทุกช่อง เป็นเวลา 2 วัน 3 คืน แต่ข่าวสารหรือนักวิชาการที่จะมีโอกาสมาให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง มีโอกาสน้อยมาก
ดังนั้นตนจำเป็นต้องพูดให้เห็นที่ไปของปัญหาในขณะนี้มันย้อนกลับไปที่เดิม ที่เดิมที่ว่าก็คือความต้องการของ ทักษิณ ชินวัตร 1. ไม่อยากติดคุก 2. อยากได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้าน 3. อยากได้สิทธิทางการเมืองกลับคืนมา ซึ่งทั้งหมดนี้ผมถามว่า มีพี่น้องประชาชนคนไทยตาดำ ๆ คนไหนบ้างที่จะเรียกร้องอย่างนี้ได้ แค่ทำผิดกฎจราจร ถูกจับ ถูกปรับ ถามว่ามีโอกาสไปเรียกร้องว่ารัฐบาลนิรโทษกรรมให้หน่อยหรือไม่
ทุจริต โกงบ้าน กินเมือง รัฐธรรมนูญเกือบทุกฉบับบัญญัติว่า คนไหนก็ตามถูกยึดทรัพย์สิน ไม่มีสิทธิ์เล่นการเมืองเพราะประเทศไทยไม่ต้องการคนโกงมาเล่นการเมือง คตส.ไม่เคยมีอำนาจมาตัดสินให้คุณทักษิณผิด หรือยึดทรัพย์สินได้ ทำแค่เพียงการสอบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง แล้วก็ส่ง ส่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่คุณทักษิณกลับมาต่อสู้ด้วยตัวเอง จนกระทั่งเห็นว่าถุงขนม 2 ล้าน ซื้อความยุติธรรมไม่ได้ ก็หนีไป แล้วก็ยังไม่กลับมา ก็จึงพูดมาตลอดไงครับว่า “จะต้องกลับบ้าน จะต้องกลับบ้าน”
เวลาฟังคุณเฉลิม พูดอะไรว่ามันจะเกิดขึ้นแล้วดีนั้น ส่วนใหญ่แกพูดไม่ค่อยจริงหรอกครับ แต่เมื่อไหร่คุณเฉลิมพูดว่าอะไรที่จะเลวร้ายกับบ้านเมืองแล้วเกิดขึ้นนั้น มักจะทำจริงครับ อันนี้หลักง่าย ๆ เพราะฉะนั้นคุณเฉลิมสับขาหลอก ผมบอกให้ว่า เขายังมุ่งมั่นเดินหน้า 3 เรื่อง ไม่ใช่ 2 เรื่อง
เรื่องที่ 1 หลังจากพักยกพยายามตราพ.ร.ฎ. อภัยโทษ เพราะมีปัญหาในขั้นตอนต่าง ๆ แต่อย่าคิดว่าเขาจะหยุดเพราะวันที่คุณทักษิณไปอยู่ที่เขมร ที่ร้องเพลงใช่ไม๊ ความจริงกรุณาอย่าไปพูดตามคุณทักษิณนะครับ เพราะมันไม่สุภาพ ถ้าจะแปลคำว่า Let it be ขอให้แปลว่า “ช่างแม้วมัน” จะเป็นตายก็ ... วันนั้นนอกจากพยายามจะร้องเพลงแล้ว ก็ประกาศว่าจะต้องกลับบ้านมาอย่างเท่ แล้วบังอาจ บังอาจอ้างว่าปีนี้เป็นปีมหามงคล อ้างวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ อ้างวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ยังไม่ได้หลุดพ้นจากความคิดของฝ่ายรัฐบาล และพี่น้องต้องจับตา เพราะ 2 เรื่องที่เราพูดกันอยู่ ภายในเดือนนี้มันก็จะชัดเจนขึ้นว่า เขาทำได้ หรือทำไม่ได้
ผมเชื่อว่าถ้าเขาทำไม่ได้ เขาจะย้อนกลับไปสู่แผนที่ 3 ผมจึงจำเป็นต้องเตือนพี่น้องไว้ให้จับตาเรื่องนี้ อย่าให้รัฐบาลได้เอาแนวคิดอย่างนี้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง นั่นแหละครับ สิ่งแรกที่เราเคยเห็น เขาพยายามทำตั้งแต่ปีที่แล้ว
เรื่องที่ 2 เรื่องนิรโทษกรรม เขาจะทำโดยอ้างว่าจะช่วยตัวเขาเอง มันก็น่าเกลียด เขาจึงพยายามทุกวิถีทางบอกว่าที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเพื่อคนใดคนหนึ่ง ต้องทำให้ทุกคนจึงอ้างคำว่า “ปรองดอง” แต่ไม่ว่าจะเสนอมากี่สูตร ทุกสูตร ทักษิณต้องได้รับนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็น กรณีเหตุการณ์ปี 53 ที่มีเรื่องการก่อการร้าย คุณทักษิณ ก็เกี่ยวข้องเป็นผู้ต้องหาด้วย ตนถึงบอกมาตลอดว่า หัวหน้าผู้ก่อการร้าย กับฆาตกรคือคนเดียวกัน
อีกทางหนึ่ง บอกว่าใจกว้าง เมื่อนิรโทษกรรมผู้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมการก่อการร้าย ต้องนิรโทษกรรมฝ่ายเจ้าหน้าที่ แต่ที่จริงขณะนี้ครับคนที่ถูกกล่าวหา ตกเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวกับการปราบปรามการชุมนุม ไม่ใช่ผม ไม่ใช่คุณสุเทพ มีแต่ยุคนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์
แล้วเสร็จแล้วก็มาเรื่อง คตส. มาเรื่อง คตส.ก็คือ ถ้าล้มล้างตรงนี้ได้ ก็มาเอา 46,000 ล้านที่ถูกยึดไป แล้วก็ยังมีเรื่องของการที่พยายามจะเอาสิทธิ์ต่าง ๆ กลับคืนมาเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องความต้องการของคุณทักษิณ นิรโทษกรรมคือเรื่องที่ 2
เรื่องที่ 3 ไปไกลกว่านั้นรู้ว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ จึงพยายามรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ลดอำนาจขององค์กรอิสระ และฝ่ายตุลาการ หวังวันข้างหน้าถ้าทักษิณพ้นผิดแล้ว เกิดจะต้องมีการดำเนินคดีในเรื่องอื่น ๆ ต่อไป จึงเป็นการป้องกันเอาไว้ แถมยังสามารถกุมอำนาจฝ่ายตุลาการได้ด้วย และขณะเดียวกันก็เล็งผลเอาไว้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ตนเองมีความมั่นอก มั่นใจว่าในอนาคตถ้าแผนสำเร็จทุกอย่างกลับมายึดครองประเทศ ก็จะสามารถขจัดอุปสรรคทั้งหลายที่เป็นองค์กรตรวจสอบทั้งหมดทั้งสิ้น
ขอย้ำว่าการนิรโทษกรรมคนที่มาทำผิดกฎหมายเพียงเพราะมันมีการห้ามชุมนุมอยู่ ผมไม่ติดใจ หรือคนที่ติดพันเกิดเหตุชุลมุน ทำผิดอะไรไปบ้าง เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ที่จะดำเนินคดี สร้างความแตกแยก ผมไม่ติดใจ แต่ใครที่วางแผนมาทำผิดกฎหมายอาญา ตั้งใจมาเผา ตั้งใจมายิง ตั้งใจมาขโมย อย่างนี้มันปรองดองไม่ได้ เพราะมันเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องสำหรับอนาคตและลูกหลานของเรา
ประเด็นที่ 2 ผมยืนยันว่ารัฐบาลที่แล้ว ไม่มีนโยบายเผาเซ็นทรัลเวิร์ล เพื่อให้เมียแกนนำเสื้อแดงไปขโมยนาฬิกาแพง ๆ ไปขายได้ นี่คือสิ่งที่เรายังจำเป็นที่จะต้องให้มันมีการตรวจสอบบันทึกข้อเท็จจริงเอาไว้ว่าอะไรเกิดขึ้นเพื่อที่จะเป็นแนวทางต่อไปในอนาคต วันนี้ถ้าอ้างแต่ว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมือง เป็นเรื่องอุดมการณ์ แล้ววันข้างหน้าเราจะสอนให้คนเคารพกฎหมาย เราจะอ่านรัฐธรรมนูญที่บอกว่าการชุมนุมต้องเป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธได้อย่างไร ฉะนั้นทั้งหมดมันเป็นสิ่งที่มันต้องมีหลัก
การจะคืนสิทธิ์คนถูกยุบพรรค ถ้าบอกว่าคนบางคนไม่เกี่ยวข้องไม่รู้เห็น ไม่ควรถูกลงโทษ ก็ยังมีเหตุ มีผล แต่ผมบอกกับคนในรัฐบาลขณะนั้นบอก กรณีคดีทุจริตคอร์รัปชั่นมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องปรองดอง มันเป็นผลประโยชน์ของใคร ก็เป็นผลประโยชน์ของคุณทักษิณ แล้วก็มีบางราย บังเอิญวันนี้อาจารย์แก้วสรร ก็เอ่ยชื่อไปอีกนายวัฒนา เมืองสุข นี่แหละเดือดร้อนจาก คตส. ผมก็บอกว่าของแบบนี้ถ้าคิดจะปรองดองแล้ว อย่าหยิบมาเป็นเงื่อนไข ขอให้ทักษิณ หรือใครก็ตามที่ทำผิดได้ยอมรับเสียว่าตัวเองกระทำผิด และยอมรับกระบวนการยุติธรรม ยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายของบ้านเมือง และผมมั่นใจว่าถ้ายอมรับทุกอย่าง สังคมไทยก็จะมีวิธีการในการให้อภัย
แต่ถ้าวันนี้ยืนยันบอกว่าไม่เคยทำอะไรผิด มันขัดกับความเป็นจริง มันขัดกับหลักกฎหมาย มันขัดกับหลักการของเรื่องการปรองดองโดยสิ้นเชิง ที่สุดคนที่อยู่ในซีกรัฐบาลบอกว่าไม่อยากจะเถียงกับผมแล้ว แต่ขอให้อยู่กับความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ว่าคือเขาบอกว่า ถ้าไม่ตอบโจทย์คุณทักษิณ บ้านเมืองก็ไม่สงบ ที่นี้เข้าใจหรือยังว่าเรื่องทั้งหมดที่มันวุ่นวายในขณะนี้ ที่อ้างคำว่าปรองดอง ก็คือคุณทักษิณอยากได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ และกำลังส่งสัญญาณอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไอ้เรื่องวุ่น ๆ อย่างนี้ไม่มีวันจบ ตนจึงเปรียบเทียบเสมอว่า พี่น้องประชาชนคนไทย และประเทศไทย กำลังถูกคุณทักษิณจับเป็นตัวประกัน
"สังคมจึงตัดสินใจว่าจะยอม หรือไม่ยอม ยอมหรือไม่ยอมครับ ยอมหรือไม่ยอมครับ มันดังไม่ถึง ดูไบ ผมบอกครับ ผมรู้ หลายคนล้า หลายคนเหนื่อย บอก หรือยอมมันไปดีวะ จะได้จบ ๆ ไม่ได้อยู่แถวนี้บางคนคิดอย่างนั้น แต่ผมเตือนเสมอครับ ถ้าคิดว่ายอม แล้วเราจะผ่านพ้นไปและบ้านเมืองสงบผมยืนยันว่า คิดผิด ทักษิณ ได้คืบ เอาศอก เสมอครับ ! ช่วงไหนเสียเปรียบ ไม่ได้ต้องการอะไรเลย อยากจะกลับมาช่วยเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศไทย ได้เปรียบขึ้นมาหน่อยบอก อย่าให้ผมต้องติดคุก เงินผมไม่ติดใจ พอทำท่าจะได้กฎหมายนิรโทษกรรม เอา 46,000 ล้านคืนมา พอจะได้ 46,000 ล้านก็บอกว่า ผมได้ความยุติธรรมแล้ว ผมไม่เล่นการเมือง แต่พอได้จริง ก็จะบอกว่าผมไม่ได้อยากเล่นแต่ประชาชนเรียกร้อง แล้วถ้าได้เป็น ก็จะบอก ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำเหมือนเดิม หึ ! ถ้าถึงตรงนั้นยังเชื่อมันอีก ก็บ้าแล้วครับ! " นายอภิสิทธิ์ กล่าว