“มาร์ค” ห่วงรัฐบาลเมินปิดสมัยประชุมสภา เติมเชื้อไฟขัดแย้ง

“อภิสิทธิ์” ห่วงรัฐบาลไม่รีบปิดสมัยประชุมสภา คลายปมขัดแย้งแก้ไข รธน. แถมยังมีท่าทีเตรียมผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ระบุยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่มุ่งรับคำสั่งจากนายใหญ่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าแก้ปัญหาชาวบ้าน


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเป็นห่วง หลังนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นัดให้มีการประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 12 มิ.ย.เพราะรัฐบาลยังไม่มีท่าทีที่จะปลดชนวนความขัดแย้งทั้งสองเรื่อง ซึ่งเราย้ำมาหลายครั้งแล้วว่าเงื่อนไขการปลดความขัดแย้งที่ดีที่สุด คือ การปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่จะดำเนินการ แต่ว่าไม่ทำ เมื่อไม่ทำทั้งสองเรื่องที่ยังเป็นปมปัญหาอยู่ก็ยังคงจะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้ส

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภาวานนี้เราเห็นได้ชัดว่า แม้ประธานรัฐสภาจะยังคงมีความลังเลใจอย่างมากว่าควรจะทำอย่างไร แต่ก็มีแรงกดดันที่จะผลักดันให้มีการลงมติ ซึ่งเป็นการเพิ่มการเผชิญหน้ากับศาลที่สำคัญคือจะทำให้ขั้นตอนของการขึ้นทูลเกล้าฯ กลายเป็นปมความขัดแย้งต่อไป

ขณะเดียวกันยังทราบว่า นอกจากการประชุมสภาในวันที่ 12 มิ.ย.แล้ว ยังมีแนวคิดที่จะนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 13-14 มิ.ย. เพื่อผลักดัน พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ หรือกฎหมายล้างผิด 4 ฉบับเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองมีความตึงเครียดต่อไป ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีความจำเป็น เพราะสิ่งที่ผลักดันทั้งหมดไม่ได้มีความเร่งด่วน ในขณะที่หลายปัญหารัฐบาลควรที่จะสร้างบรรยากาศเพื่อแก้ไขได้ง่าย ล่าสุดเห็นได้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองโดยตรง หากอยากจะเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลก็ต้องสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันปัญหาภัยพิบัติเรื่องน้ำท่วมในภาคใต้ ที่ประชาชนยังไม่พอใจในความล่าช้า และฝนก็เริ่มมาแล้ว รัฐบาลจึงควรจะใช้โอกาสเหล่านี้ปลดเงื่อนไขความขัดแย้ง

ส่วนความเป็นไปที่จะมีการหักมติศาลรัฐธรรมนูญ จะเกิดการเผชิญหน้าในสังคมมากน้อยอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอย้ำว่าเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างปมปัญหาความขัดแย้ง แม้แต่ฝ่ายที่เห็นว่าศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ถูกต้องตามความเห็นของตนเอง แต่สุดท้ายเราต้องสร้างบรรทัดฐานในเรื่องของการยอมรับคำสั่งศาล หรือถ้ากังวลว่าการยอมรับคำสั่งศาลจะเกิดปัญหาเชิงระบบ วิธีที่ไม่ต้องมีปัญหาในเรื่องการเผชิญหน้าที่ดีที่สุดก็คือ ปิดสภา ประเด็นปัญหานี้ก็ไปว่ากันในเดือนสิงหาคม ซึ่งตอนนั้นเชื่อว่าศาลก็จะวินิจฉัยเสร็จหรือใกล้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีใบสั่งว่ารัฐบาลต้องทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ก็นี่ล่ะครับ คำว่าใบสั่งและข่าวคราวที่บ่งบอกว่าสุดท้ายเป็นเพราะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการเรื่องนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เท่ากับว่ารัฐบาลสนใจผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าปัญหาของประเทศ”