วิปรัฐบาลไร้มติ โยนประธานรัฐสภาตัดสินใจเองจะโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หรือไม่ ส่วน 8 มิ.ย.ไม่มีวาระลงมติแก้ รธน. ส่วนที่ ส.ส.เพื่อไทยเสนอให้ลงมติเลยนั้นเป็นความเห็นส่วนตัว พร้อมยันประชุมสภา 13-14 มิ.ย. จะไม่พิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมพิจารณากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ชะลอการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 โดยได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานกฤษฏีกาเข้าชี้แจงในประเด็นคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันธ์ทุกองค์กรหรือไม่
นอกจากนี้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯได้มีคำสั่งนัดประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 8 มิ.ย.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งยืนยันว่าจะไม่มีการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 แต่จะเป็นเพียงการแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงคำสั่งศาลฯ ที่ให้ชะลอการลงมติ อีกทั้งการประชุมในวันดังกล่าวจะมีเพียงวาระการพิจารณากรอบเจรจาระหว่างประเทศจำนวน 6 กรอบเท่านั้น ส่วนจะมีการลงมติวาระ 3 อย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนก็ต้องขึ้นอยู่กับประธานสภาฯและสมาชิกในที่ประชุม
ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฏรในวันที่ 13-14มิ.ย.นั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า ก็จะมีการพิจารณากฏหมายสำคัญที่ยังคงค้างอยู่ในวาระการประชุมสภาฯ อาทิ กฏหมายฟอกเงิน เป็นต้น และจะไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดอง (พรบ.ปรองดอง) ทั้ง 4 ฉบับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของวิปรัฐบาลซึ่งในที่ประชุมวิปฯส่วนใหญ่มีความเห็นว่าคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีผลผูกพันธ์ต่อรัฐสภาหรือไม่ นายอุดมเดช กล่าวว่า เรื่องนี้เราก็ได้รับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการซึ่งก็มีความเห็นที่ขัดแย้งกันอยู่จะมีการดำเนินการอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภา ซึ่งตนก็เห็นว่าประธานได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องในการเรียกประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแจ้งให้สมาชิกได้ทราบถึงคำสั่งศาลแต่ไม่ได้บรรจุวาระการลงมติในวาระ 3
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า สมาชิกฝ่ายรัฐบาลอาจจะมีการเสนอให้มีการลงมติวาระ 3 ในวันที่ 12 มิ.ย. นั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า ขอให้พิจารณาด้วยว่าความเห็นดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัวหรือพูดในฐานะอะไร อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องรับฟังความเห็นจากทั้งชั้น ส.ส.และส.ว. ส่วนที่สมาชิกจะเสนอต่อที่ประชุมในเรื่องการลงมติในวาระ 3 นั้นก็เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ ทุกคนมีสิทธิ์เสนอแต่ก็ต้องไปดูข้อบังคับว่าสามารถดำเนินการไปได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกยื่นตีความอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงสถานการณ์ความรุนแรงหากทางฝั่งรัฐบาลยืนยันว่าจะเดินหน้าเรื่องการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปหรือไม่ นายอุดมเดช กล่าวว่า มีความชัดเจนแล้วว่าทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญและร่าง พ.ร.บ.ปรองดองจะไม่บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญเสนอความกังวลและสั่งให้ชะลอการลงมติก็กลับสร้างความกังวลให้สังคมในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของศาลด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จะเลื่อนวาระดังกล่าวไปสมัยประชุมสมัยหน้าก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม
